ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.71 แข็งค่าต่อจากช่วงเช้า ตลาดจับตาสุนทรพจน์ประธานเฟดปลายสัปดาห์นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 20, 2017 17:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 34.71 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.81 บาท/ดอลลาร์

"ระหว่างวันเงินบาทวิ่งกว้างระหว่าง 34.66-34.81 บาท/ดอลลาร์ โดยลงไปทดสอบระหว่างต่ำสุดในรอบ 5 เดือน...เข้าใจว่ามี Flow จากผู้ส่งออกเร่งขายดอลลาร์ ซึ่งหลังจากนี้เงินบาทน่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบกว้างระหว่างรอการ กล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพฤหัสบดีนี้...ซึ่งช่วงนี้ก็อาจจะมีการเคลื่อนไหว ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดออกมาบ้าง"นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทอยู่ในกรอบระหว่าง 34.65-34.75 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.80 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 112.55 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0753 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.0760 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,563.54 จุด เพิ่มขึ้น 2.56 จุด, +0.16% มูลค่าการซื้อขาย 35,790.37 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 777.67 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีค่าเงินบาทแข็งค่าหลุดกรอบ 35 บาท/ดอลลาร์ว่า อาจจะเป็น
ความผันผวนระยะสั้นในบางตลาด และเมื่อพิจารณาประเทศคู่แข่งก็พบว่าเป็นภาวะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลใน
ภูมิภาค แนะให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง
  • นักวิชาการ มั่นใจเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น มองภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ 3.3-3.5% โดยมีปัจจัยสำคัญมา
จากภายในประเทศ และไม่เป็น"SOMTUM Crisis" แต่อาจเข้าสู่"ต้มยำกบ Crisis"หากไม่เร่งปรับตัว
  • กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดทำแผนผลักดันการส่งออกระยะ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมี.ค.-พ.ค.60 เพื่อผลักดันมูลค่าการส่ง
ออกไทยในปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 5% จากปีก่อน โดยจะมุ่งทำตลาดเชิงรุกบุกเจาะตลาดเป็นรายประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนา
ผู้ประกอบการไทยในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าผ่านการใช้นวัตกรรม การหาลู่ทางออกไปลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงการผลักดัน
ธุรกิจบริการ เพื่อสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศ และการผลักดันให้มีการค้าขายระหว่างประเทศผ่านออนไลน์
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เอิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรายย่อยในปี 60 เติบโต 11% จากปีก่อนที่มียอด
สินเชื่อคงค้าง 6.45 แสนล้านบาท

การเติบโตของสินเชื่อรายย่อยแต่ละประเภท แบ่งเป็น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เติบโต 10% สินเชื่อที่อยู่อาศัยเติบโต 10- 11% สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันเติบโต 7-8%

  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประกาศเดินหน้าชู 6 ยุทธศาสตร์ สร้างความเชื่อมั่นและความเข้ม
แข็งให้แก่ภาคอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง พร้อมนำทัพขับเคลื่อน Industry 4.0
  • คณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ปรับนโยบายการลงทุนปีนี้ เตรียมเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ระยะ
ยาว อายุเฉลี่ย 3-5 ปี เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ลดสัดส่วนเงินฝากและพันธบัตรลงเหลือ 45% และจะเพิ่มการลงทุน
ในหุ้น จากแผนการลงทุนดังกล่าว ทำให้เชื่อมั่นว่าผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 3%
  • ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินในวันนี้ ผ่านการดำเนินงานทางตลาดเงิน (Open Market
Operations) หรือ OMO เพื่อบรรเทาภาวะสภาพคล่องตึงตัว หลังจากที่ธนาคารได้งดเว้นการดำเนินการดังกล่าวมาเป็นเวลา 17
วันทำการติดต่อกัน

ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงิน 1 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์) ผ่านทางข้อตกลงซื้อคืนธบัตรโดยมี สัญญาขายคืน (reverse repo) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนใน อนาคต

  • นายจาง เกาลี่ รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนควรเพิ่มการปฏิรูปโครงสร้างฝั่งอุปทาน เพื่อกระตุ้นการเติบโต
และทำให้ตลาดคึกคักมากขึ้น
  • นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ในปีนี้จะมีเงินทุนจากจีนไหลเข้าตลาดหุ้นฮ่องกงมากขึ้นแตะ 5.4
หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีเงินทุนไหลเข้า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้มีเงินไหลเข้า
จากจีนกว่า 8 พันล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งเงินไหลเข้าที่สำคัญที่สุดของตลาดหุ้นฮ่องกง
  • นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใน

วันพฤหัสบดีนี้ ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นโดยเฟดสาขาชิคาโก ภายใต้หัวข้อ "Strong Foundations: The Economic Futures

of Kids and Communities" เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในปีนี้ หลังจากที่คณะกรรมการ

กำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.75-1.00% ใน

การประชุมเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ