ภาวะตลาดเงินบาท: ระหว่างวันอ่อนค่า ก่อนปิดที่ 33.95/98 รอลุ้นอังกฤษตั้งรัฐบาลได้ไวจะไม่กระทบ Brexit คาดสัปดาห์หน้า 33.80-34.20

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 16, 2017 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 33.95/98 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัว จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.95 บาท/ดอลลาร์

ระหว่างวันเงินบาทอ่อนค่าไปทำ high แตะที่ระดับ 34.01 บาท/ดอลลาร์ แต่หลังจากนั้นก็เริ่มย่อลงและค่อนข้างทรง ตัวมาจนถึงปิดตลาด ซึ่งประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามดูในช่วงนี้คือการจัดตั้งรัฐบาลของอังกฤษจะสามารถทำได้เร็วหรือไม่ เพราะไม่เช่น นั้นจะส่งผลให้ Brexit อาจต้องล่าช้าออกไป

"ช่วงสุดสัปดาห์นี้ คงต้องดูว่าอังกฤษจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ เพราะถ้ายังตั้งไม่ได้ ก็จะมีผลให้ Brexit อาจ ต้อง delay ออกไป ซึ่งก็จะทำให้เงินปอนด์อ่อนค่า และดอลลาร์สหรัฐกลับมามีแรงซื้อและแข็งค่าขึ้น บาทก็จะปรับอ่อนค่าลงได้" นัก บริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.80 - 34.20 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.30 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 111.10 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1170 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1150 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,576.58 จุด เพิ่มขึ้น 3.05 จุด (+0.19%) มูลค่าการซื้อขาย 41,219 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 998.31 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคาร ซี ไอเอ็มบี ไทย คาดว่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า(19-23 มิ.ย.) จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.90-
34.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
  • สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) โดยดัชนี
ความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ส.ค.60) อยู่ที่ 101.66 อยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" (Neutral) (ช่วงค่าดัชนีระหว่าง
0-200) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.76% จากเดือนที่ผ่านมาที่ 100.89
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (เมกะโป
รเจ็คต์) ของรัฐบาล ซึ่งเป็นโครงการในระยะเวลา 5-6 ปีข้างหน้า มูลค่าโครงการ 2.4 ล้านล้านบาทว่า ตั้งเป้าจะให้มีการเริ่ม
ลงนามเซ็นสัญญาภายในปี 61 ซึ่งจะเป็นโครงการสำคัญทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรถไฟ รถไฟทางคู่ รวมถึงการติดตั้งอินเตอร์
เน็ตทั่วประเทศ
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า แม้มีความเป็นไปได้ที่ช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยและสหรัฐฯ จะปิดลง
ตั้งแต่ในช่วงปลายไตรมาส 3/2560 แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจจะยังยืนอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายของไทยไว้ที่ระดับ 1.50% ตลอดช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปีนี้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ แนวโน้มของค่าเงินบาทนั้น แม้สัญญาณที่คุมเข้มต่อเนื่องของเฟด (ทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ย และการลดงบดุล) จะ ทำให้ยังมีโอกาสที่จะเห็นเงินบาทกลับมาทยอยอ่อนค่าในช่วงที่เหลือของปี แต่คงต้องยอมรับว่า ประเด็นทางการเมืองภายในของ สหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่อาจจะมีผลต่อทิศทางค่าเงินดอลลาร์ฯ ดังนั้น แม้ว่าเฟดจะมีท่าทีของนโยบายการเงินเป็นเชิงคุมเข้มต่อ เนื่อง แต่การฟื้นตัวของเงินดอลลาร์ฯ ก็อาจจะเป็นกรอบที่ยังจำกัด และมีจังหวะที่ไม่แน่นอนในช่วงครึ่งหลังของปีเช่นกัน

  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงรุกในการประชุมวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้น
เศรษฐกิจในประเทศ และเดินหน้าความพยายามในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้แถลงข่าวภายหลังการประชุมนโยบายการเงินของ BOJ ในวันนี้ว่า การบรรลุ
เป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของ BOJ นั้น ยังอีกยาวไกล อย่างไรก็ตาม นายคุโรดะเชื่อว่า ค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น จะช่วยหนุน
อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นให้เพิ่มขึ้นได้
  • ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเม็ดเงินมูลค่า 2.50 แสนล้านหยวน (3.67 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบการเงิน
ผ่านทางการดำเนินงานทางตลาดเงิน (Open Market Operations) หรือ OMO ในวันนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อหนุนสภาพคล่องให้อยู่
ในระดับที่มีเสถียรภาพ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ