ดีอี-ทีโอที-กสท ลั่นเดินหน้าตั้งสองบริษัทลูกเริ่มทำธุรกิจ พ.ย.นี้ ยันประเมินมูลค่าสินทรัพย์เป็นธรรม

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 1, 2017 18:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้ช่วย รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แถลงความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัท โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (National Broadband Network:NBN Co)ของ บมจ.ทีโอที (TOT) และโครงการจัดตั้งบริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (Neutral Gateway & Data Center:NGDC Co) ของ บมจ.กสท โทรคมนาคม (CAT) ว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการจดทะเบียนบริษัท

ทั้งนี้ กระทรวงดีอีจะเสนอแผนการดำเนินธุรกิจพร้อมรายชื่อกรรมการของทั้งสองบริษัท ให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ให้ความเห็นชอบ จากนั้นจะดำเนินการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของทั้งสองบริษัท ส่วนแผนการโอนย้ายบุคลากรจะมีความชัดเจนภายในเดือน ส.ค. ขณะที่การประเมินสินทรัพย์จะมีความชัดเจนภายใน 1-2 เดือนจากนี้ หรือภายในเดือน ก.ย. และขั้นตอนการเตรียมการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ต.ค. เพื่อให้เริ่มดำเนินธุรกิจในเดือน พ.ย.60

ด้านพ.อ.สรรพชัย หุวะนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท กล่าวว่า ขั้นตอนที่หลายฝ่ายเป็นห่วงคือ การเคลื่อนย้ายทรัพยากรบุคคล และการประเมินมูลค่าสินทรัพย์นั้น ทีโอทีและกสท ได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาช่วยวางแผน ซึ่งจะมีการประเมินราคามูลค่าทรัพย์สินที่เป็นธรรม และสามารถดำเนินธุรกิจที่แข่งขันได้ ขณะที่การโอนย้ายบุคคลากรจะต้องเป็นไปโดยสมัครใจ ในจำนวนที่พอเหมาะกับการดำเนินธุรกิจ

นายมนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที กล่าวว่า การตั้งบริษัทใหม่ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการทำธุรกิจของทั้งสองบริษัท แต่จะต้องรองรับการพัฒนาไปสู่เป้าหมายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แก้ปัญหาการขาดทุนของสององค์กร แผนการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งการตั้งสองบริษัทใหม่ไม่ใช่การเริ่มธุรกิจแต่เป็นการทำให้ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่แล้วสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้สองหน่วยงานใหม่จะเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยบุคลากรที่โอนย้ายมายังบริษัทใหม่จะได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าเดิมแต่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดของสวัสดิการบางรายการให้เหมาะสมขึ้น

"ส่วนข้อกังวลผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษาที่คาดว่าบริษัทใหม่ที่ตั้งขึ้นจะมีการขาดทุนใน 5 ปีแรก เป็นการประเมินจากจำนวนบุคคลกรที่โอนย้ายเข้าสู่บริษัท NBN ที่ 1,900 คน แต่ละสุดได้ปรับเปลี่ยนจำนวนบุคคลากรเหลือ 1,200 คน แน่นอนว่าการดำเนินธุรกิจย่อมมีต้นทุนและค่าเสื่อมราคา เมื่อมีการวางแผนธุรกิจใหม่และปรับเปลี่ยนจนได้โครงสร้างที่เหมาะสมแล้วเชื่อว่าการขาดทุนจะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงแรก 1-2ปี หลังจากนั้นน่าจะปรับตัวดีขึ้น"นายมนต์ชัย กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ