นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.25 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้
"เมื่อคืนตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมามีทั้งดีและไม่ดี ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนและยูโร ขณะที่ เงินปอนด์ก็อ่อนค่าด้วยปัจจัยของอังกฤษเอง หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงดอกเบี้ย"นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินทิศทางของค่าเงินบาทในวันนี้ว่าไม่น่าจะแกว่งมากนัก เนื่องจากตลาดรอดูตัวเลขการจ้างงาน นอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในคืนนี้ ดังนั้น เบื้องต้นประเมินกรอบการเคลื่อนไหวไว้ระหว่าง 33.20-33.30 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 110.08 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 110.60 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1877 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.1843 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.2890 บาท/
- ธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารยังมั่นใจว่าภาพรวมการปล่อย สินเชื่อจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 4-
- บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.) คาดว่า ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าธนาคารพาณิชย์จะขายสินเชื่อที่ไม่ก่อ
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมนำข้อมูลความเสียหายของสถานการณ์น้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับ
- ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยผลการสำรวจว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่
- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ นอก
- สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) ภายหลังจาก
ปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3131 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3239 ดอลลาร์ ในขณะที่ยูโรแข็ง ค่าขึ้นแตะ 1.1869 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1868 ดอลลาร์ ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 110.17 เยน จากระดับ 110.56 เยน
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) โดยสัญญาทองคำปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจาก
- นักลงทุนต่างจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งอาจ
บ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.
ค.จะเพิ่มขึ้นราว 180,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.3% จากระดับ 4.4% ในเดือนมิ.
ย.