โพลล์เผย ปชช.กังวลค่าใช้จ่าย-สินค้ามีราคาสูงขึ้นหลังค่าบริการสาธารณะปรับขึ้น ส่วนใหญ่แนะให้ชะลอไปก่อน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 18, 2017 12:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (STC) แถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อการปรับขึ้นราคาค่าบริการสาธารณะต่างๆ ในช่วงระหว่างเดือนกันยายนถึงตุลาคม 60 ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้ไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ค่าโดยสารเรือด่วน เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้ประชาชนทั่วไปต้องมีรายจ่ายมากขึ้นว่า

กลุ่มตัวอย่าง 78.05% ทราบว่าในเดือนกันยายนนี้มีการปรับขึ้นราคาค่าใช้ไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขณะที่ 21.95% ยอมรับว่าไม่ทราบ ส่วนกลุ่มตัวอย่าง 76.29% ทราบว่าในวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมามีการปรับขึ้นราคาค่าก๊าซหุงต้มในครัวเรือน โดยที่มีกลุ่มตัวอย่าง 23.71% ที่ไม่ทราบ ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่าง 87.73% ทราบว่าในวันที่ 1 ตุลาคมนี้จะมีการปรับขึ้นราคาค่าบริการรถไฟฟ้า BTS แต่มีกลุ่มตัวอย่าง 12.27% ไม่ทราบ

ในด้านความคิดเห็นต่อการขึ้นราคาค่าบริการสาธารณะกับการใช้จ่ายรายเดือนนั้น กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสามในสี่หรือคิดเป็น77.21% มีความคิดเห็นว่าการขึ้นค่าบริการสาธารณะต่างๆจะส่งผลกระทบกับการใช้จ่ายรายเดือนของตนเองให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็น 57.01% คิดว่าการขึ้นราคาค่าบริการสาธารณะต่างๆจะมีส่วนทำให้ตนเองตัดสินใจลดการซื้อสินค้า/บริการฟุ่มเฟือยลง

ในด้านความคิดเห็นต่อการขั้นราคาค่าบริการสาธารณะกับการยกระดับคุณภาพมาตรฐานบริการ กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็น 69.2% ไม่เชื่อว่าหากมีการประกาศขึ้นค่าบริการสาธารณะต่างๆ เช่น ค่าบริการสาธารณูปโภค (ค่าไฟ ค่าน้ำ) ค่าบริการด้านพลังงาน (ค่าน้ำมัน ค่าก๊าซหุงต้ม) และค่าบริการด้านการขนส่งสาธารณะ (ค่าทางด่วน ค่ารถไฟฟ้า ค่าแท็กซี่ ค่ารถเมล์) เป็นต้น แล้ว ผู้ให้บริการเหล่านั้นจะยกระดับคุณภาพมาตรฐานบริการให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีขึ้นได้ โดยที่กลุ่มตัวอย่าง 24.46% เชื่อ ส่วนกลุ่มตัวอย่าง 6.34% ไม่แน่ใจ

ในด้านความคิดเห็นต่อการขึ้นราคาค่าบริการสาธารณะกับการใช้จ่ายอย่างประหยัด กลุ่มตัวอย่าง 61.44% มีความคิดเห็นว่าการประกาศขึ้นค่าบริการสาธารณะต่างๆ เช่น ค่าบริการสาธารณูปโภค (ค่าไฟ ค่าน้ำ) ค่าบริการด้านพลังงาน (ค่าน้ำมัน ค่าก๊าซหุงต้ม) และค่าบริการด้านการขนส่งสาธารณะ (ค่าทางด่วน ค่ารถไฟฟ้า ค่าแท็กซี่ ค่ารถเมล์) เป็นต้น จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ผู้คนในสังคมตระหนักถึงการใช้จ่ายอย่างประหยัดในชีวิตประจำวันมากขึ้นได้

ขณะที่กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสี่ในห้าหรือคิดเป็น 81.05% มีความคิดเห็นว่าการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะมีส่วนช่วยทำให้ผู้คนลดผลกระทบจากการขึ้นราคาค่าบริการสาธารณะต่างๆได้ แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่าง 72.95% กังวลว่าหากมีการปรับขึ้นราคาค่าบริการสาธารณะต่างๆ เช่น ค่าสาธารณูปโภค ค่าบริการด้านพลังงาน และค่าบริการด้านการขนส่ง เป็นต้น จะทำให้ค่าสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันมีราคาสูงขึ้น และกลุ่มตัวอย่าง 71.54% ไม่เชื่อว่าหน่วยงานภาครัฐจะสามารถควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันไม่ให้มีการปรับขึ้นได้จริงหากมีการปรับขึ้นราคาค่าบริการสาธารณะต่างๆ เช่น ค่าสาธารณูปโภค ค่าบริการด้านพลังงาน และค่าบริการด้านการขนส่ง เป็นต้น

สำหรับความคิดเห็นต่อการชะลอปรับขึ้นค่าบริการสาธารณะต่างๆนั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็น 40.57% มีความคิดเห็นว่าควรมีการชะลอขึ้นราคาค่าบริการสาธารณูปโภค/ค่าบริการด้านการขนส่งออกไปอีกอย่างน้อยหนึ่งปี รองลงมามีความคิดเห็นว่าควรชะลอออกไปอีกอย่างน้อยหกเดือนและอีกอย่างน้อยหนึ่งปีครึ่งซึ่งคิดเป็น 21.87% และ 18.78% ตามลำดับ และกลุ่มตัวอย่าง 13.69% มีความคิดเห็นว่าควรชะลอออกไปอีกอย่างน้อยหกเดือน โดยที่มีกลุ่มตัวอย่าง 5.09% มีความคิดเห็นว่าไม่จำเป็นต้องชะลอออกไป

อนึ่ง สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (STC) ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 9 -14 กันยายน 60 จากกลุ่มตัวอย่าง ทั้งหมด 1,198 คน


แท็ก รถไฟฟ้า  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ