พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า การประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีพลังงานเอเชีย (ASIAN Ministerial Energy Roundtable :AMER) ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2560 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ จะมีการหารือถึงตลาดของก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งปัจจุบันประเทศในเอเชียมีทั้งกลุ่มผู้ใช้และผู้ผลิต LNG ขณะที่การซื้อขายของ LNG จะมีลักษณะคล้ายกับตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสพัฒนาไปสู่ตลาดกลางการซื้อขาย LNG เช่นเดียวกับตลาดน้ำมัน ดั้งนั้น ประเทศในเอเชียทั้งกลุ่มส่งออกในชาติตะวันออกกลาง และกลุ่มผู้ซื้อ เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และชาติในอาเซียน จำเป็นต้องหารือร่วมกันถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เพื่อนำไปสู่การสร้างความสมดุลและเสถียรภาพของตลาดน้ำมันและตลาดก๊าซธรรมชาติ
ทั้งนี้ เห็นว่าหากกลุ่มผู้ใช้รายใหญ่ คือญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย อาเซียน อินเดีย ปากีสถาน รวมตัวจัดตั้งกลุ่มประเทศผู้ใช้ LNG เพื่อสร้างอำนาจต่อรองร่วมกันก็จะเป็นแนวทางที่ดี ขณะที่เวทีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ที่ฟิลิปปินส์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็ได้หารือเรื่องการบริหารจัดการการนำเข้า LNG ร่วมกัน เนื่องจากจะเป็นเชื้อเพลิงที่มีการใช้เพิ่มมากขึ้น โดยในส่วนของไทยตามแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ปี 58-79 (Gas Plan 2015) ประเมินว่าไทยอาจต้องนำเข้า 34 ล้านตัน/ปี หลังก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและเมียนมามีปริมาณผลิตลดลง ดังนั้น หากนำเข้าร่วมกันด้วยเรือขนาดใหญ่ แล้วนำมาแบ่งกันใช้ในอาเซียน ก็จะทำให้การขนส่งมีต้นทุนต่ำ และได้ราคาที่ดี เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค
ด้านนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า กำลังการผลิต LNG ในปัจจุบันมาจากทุกภูมิภาค โดยมีประเทศผู้ผลิตมี 39 ประเทศทั่วโลก ส่วนผู้ใช้มี 19 ประเทศ และกำลังผลิตมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ประกอบเชื้อเพลิง LNG เป็นเชื้อเพลิงสะอาด ทำให้รูปแบบการซื้อขายกำลังเปลี่ยนเป็นรูปแบบคล้ายสินค้าน้ำมัน เทคโนโลยีการค้าการขนส่งการผลิตก๊าซฯ ก็พัฒนาขึ้น ทำให้ตลาดมีเสถียรภาพ ดังนั้น การใช้ LNG จะเป็นการกระจายความเสี่ยงในการผลิตไฟฟ้าได้ดี