นายกฯ เตรียมเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนที่ฟิลิปปินส์ 13-14 พ.ย.นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 7, 2017 10:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 13 – 14 พฤศจิกายน 2560 ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งการประชุมสุดยอดอาเซียนในครั้งนี้ นอกจากการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนด้วยกันแล้ว ยังเป็นการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้นำประเทศคู่เจรจา ประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย และเลขาธิการสหประชาชาติ การประชุมอาเซียนบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี) การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก และการประชุมผู้นำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค โดยปีนี้จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำวาระพิเศษเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์อาเซียนกับสหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหภาพยุโรปด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดหารือกับภาคธุรกิจในการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน และการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับสภาธุรกิจเอเชียตะวันออก และจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดแม่โขง – ญี่ปุ่น ครั้งที่ 9 ซึ่งเป็นการประชุมนอกกรอบอาเซียน

สำหรับการประชุมครั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่คาดว่าผู้นำจะหารือกันคือการมองอนาคตในอีก 20-30 ปี ข้างหน้าของประชาคมอาเซียนทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรม อย่างมีเสถียรภาพที่ยึดหลักนิติธรรม และมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยประชาชนอาเซียนได้รับประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งประเด็นที่เป็นความท้าทายของโลก และการรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาค

นอกจากนี้ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน และการประชุมคณะมนตรีอาเซียน ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2560 เพื่อเป็นการเตรียมการก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน นอกจากนี้ จะมีการหารือในประเด็นที่คาบเกี่ยวระหว่างสามเสาของอาเซียน (การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรม) อาทิ ความคืบหน้า โครงการที่เป็นรูปธรรม และแผนงานเพื่อดำเนินการส่งเสริมและขยายความเชื่อมโยงภายในและนอกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการส่งเสริมการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2025 กับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ที่ประเทศไทยเป็นผู้ประสานงานของอาเซียน เป็นต้น

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในโอกาสที่จะร่วมคณะนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 นี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนจะลงนามความตกลงการค้าเสรีและความตกลงด้านการลงทุนระหว่างอาเซียนและฮ่องกง ซึ่งไทยในฐานะประเทศผู้ประสานงานและประธานร่วมฝ่ายอาเซียน ได้มีบทบาทสำคัญให้การเจรจาสรุปผลได้สำเร็จ รวมทั้งจะเข้าร่วมการประชุมผู้นำ RCEP ครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดการเจรจา RCEP เมื่อปี 2556 โดยผู้นำประกาศเน้นย้ำที่จะสรุปผลการเจรจา RCEP โดยขอให้คณะเจรจาเร่งการเจรจาในปีหน้าให้บรรลุผลได้โดยเร็วเพื่อให้ RCEP เป็นความตกลงที่มีคุณภาพสูงและเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ยังมีกำหนดเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC Council ซึ่งจะพิจารณารับรองแผนการดำเนินงานสำคัญของอาเซียน ได้แก่ 1) แผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์ด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งเป็นแผนดำเนินงานที่จะช่วยให้การค้าระหว่างกันภายในอาเซียนสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะลดต้นทุนธุรกรรมทางการค้าลงร้อยละ 10 ภายในปี 2563 และเพิ่มมูลค่าการค้าภายในภูมิภาคเป็น 2 เท่าภายในปี 2568 2) แผนการดำเนินการด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน ซึ่งกำหนดแนวทางการดำเนินการด้านต่างๆ ที่จะช่วยส่งเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ภายในภูมิภาค และ 3) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยนวัตกรรม ซึ่งแสดงถึงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนในการใช้นวัตกรรมเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตและการแข่งขันของอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค โดยเอกสารดังกล่าวจะเสนอต่อผู้นำอาเซียนต่อไป

นอกจากนี้จะเข้าร่วมการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจอาเซียน (ASEAN-BAC) และสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเชียตะวันออก (EABC) ซึ่งได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs)

ในปี 2559 อาเซียนมีการส่งออกรวมมูลค่า 1.14 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 7.2% ของมูลค่าการส่งออกของโลก และมีการนำเข้ารวมมูลค่า 1.08 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 6.6% ของมูลค่าการนำเข้าของโลก โดยอาเซียนมีคู่ค้านอกภูมิภาคที่สำคัญ ได้แก่ จีน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกมีสัดส่วนการส่งออกภายในกลุ่มอาเซียน 24.7% และมีสัดส่วนนำเข้าจากประเทศภายในกลุ่มอาเซียน 22.2%

สำหรับการค้าระหว่างไทยกับอาเซียนในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2560 (มกราคม-สิงหาคม) มีมูลค่า 66,035 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออก 38,673 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้า 27,362 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการส่งออกขยายตัวร้อยละ 8.2 และการนำเข้าขยายตัว 13.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ