นายเพทาย หมุดธรรม รองผู้อำนวยการสำนักงานโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ได้พิจารณาสถานการณ์ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) พบว่ามีแนวโน้มลดลง จึงมีมติให้ปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับ LPG ลง 1.4126 บาท/กิโลกรัม จากเดิมที่กองทุนน้ำมันฯ ชดเชยที่ 4.7880 บาท/กิโลกรัม เป็นชดเชย 3.3754 บาท/กิโลกรัม ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นไป โดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกก๊าซ LPG แต่อย่างใด ราคาขายปลีกยังคงเดิมอยู่ที่ 19.82 บาท/กิโลกรัม
ทั้งนี้ ผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายสุทธิประมาณ 857 ล้านบาท/เดือน
นายเพทาย กล่าวว่า จากราคา CP ที่ประกาศรายเดือนโดยประเทศซาอุดิอาระเบีย สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2561 อยู่ที่ 515 เหรียญสหรัฐ/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน 65 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ราคาก๊าซ LPG Cargo ซึ่งเป็นราคารายวันของ FOB Arab Gulf อ้างอิงจากรายงาน Platts นำมาเฉลี่ยรายสัปดาห์ เฉลี่ยสัปดาห์นี้ อยู่ที่ 463 เหรียญสหรัฐ/ตัน ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน 46.50 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนได้อ่อนค่าลดลงจากสัปดาห์ก่อน 0.2499 บาท/เหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 31.7896 บาท/เหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ราคา ณ โรงกลั่นที่อ้างอิงราคานำเข้า (Import Parity) ซึ่งเป็นราคาซื้อตั้งต้นก๊าซ LPG ปรับตัวลดลง 1.3490 บาท/กิโลกรัม จาก 17.6034 บาท/กิโลกรัม เป็น 16.2544 บาท/กิโลกรัม
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้มีการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกก๊าซ LPG ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาระดับเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้สามารถรองรับกับความผันผวนของราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2561 จึงเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯลงในอัตราดังกล่าว