ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.50/51 อ่อนค่าต่อเนื่องหลังดอลล์แข็งรับผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่ง คาดกรอบพรุ่งนี้ 31.40-31.55

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 23, 2018 17:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.50/51 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าไปค่อนข้างมากจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.36 บาท/ดอลลาร์ ทั้งนี้ เงินบาทเคยไปแตะที่ระดับ 31.50 บาท/ ดอลลาร์ มาแล้วในช่วงต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา

วันนี้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าไปค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และเป็นทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น เงินวอนเกาหลี, รูเปียะห์อินโดนีเซีย, เปโซของฟิลิปปินส์, ดอลลาร์สิงคโปร์ และดอลลาร์ไต้หวัน โดยปัจจัยสำคัญมาจากอัตรา ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ระยะ 10 ปี ปรับขึ้นค่อนข้างแรงไปอยู่ที่ 2.99% ส่งผลให้นักลงทุนเทขายบอนด์อย่างมีนัยสำคัญ และพักเงิน ไว้ที่สกุลดอลลาร์สหรัฐ จึงทำให้ดอลลาร์แข็งค่าในวงกว้างเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.40 - 31.55 บาท/ดอลลาร์

"ตอนนี้บอนด์ยีลปริ่มๆ 3% แล้ว หากสามารถปรับขึ้นต่อ และยืนเหนือระดับ 3% ได้ เงินดอลลาร์จะแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่ง หากเป็นเช่นนั้นคงต้องให้แนวต้านเงินบาทใหม่ที่ 31.60 บาท/ดอลลาร์" นักบริหารเงิน กล่าว

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.26 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 107.82 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2229 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2275 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,790.14 จุด ลดลง 11.14 จุด (-0.62%) มูลค่าการซื้อขาย 63,666 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,830.88 ลบ.(SET+MAI)
  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้ม
เคลื่อนไหวในกรอบ 31.25-31.50 ต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยชี้นำสำคัญอยู่ที่การเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ หาก
อัตราผลตอบแทนระยะ 10 ปี สามารถปรับขึ้นต่อและยืนเหนือระดับ 3.00% ได้ เงินดอลลาร์จะแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งจะแตกต่างจาก
ช่วงต้นปีนี้ที่อัตราผลตอบแทนระยะ 2 ปีปรับตัวขึ้นเร็วกว่าระยะยาว และค่าเงินดอลลาร์ขาดแรงหนุนเนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าเส้น
อัตราผลตอบแทนที่แบนราบ (Flatten) สะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในระยะถัดไป
  • กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน มี.ค.61 มีมูลค่า 22,362.8 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ ขยายตัว 7.06% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 21,094.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 9.47% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล
1,268.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCBEIC) ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตของมูลค่าการส่ง
ออกไทยปี 2561 อยู่ที่ 7.5% จากเดิมที่ 5% เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวได้ดีในปีนี้ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าทั่ว
โลกเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย พร้อมกันนี้ อีไอซีปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตของมูลค่าการนำเข้าปี 2561 อยู่ที่ 12.2% จากเดิมที่
9.2%
  • ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลออกมาตรการเพื่อสนับสนุนการควบรวมธนาคาร
พาณิชย์ไทยตามที่กระทรวงการคลังเสนอว่า เป็นจังหวะที่ดีของธนาคารของไทยในการควบรวมกิจการ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ของ
ไทยยังมีขนาดไม่ใหญ่มากเพื่อเทียบกับสถาบันการเงินในภูมิภาค นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์ในเรื่องของลูกค้าที่จะเพิ่มความหลากหลาย
ขึ้นอีกด้วย
  • คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)รับทราบการปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP 2015) เพื่อ
ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีกำหนดการจัดทำ PDP ให้แล้วเสร็จภายในเดือนส.ค. 61 ทั้งนี้ กำลัง
การผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันมีเพียงพอรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าจนถึงปี 66 โดยจะมีการวางแผนเพื่อให้เกิดความมั่นคงและมี
ประสิทธิภาพในแต่ละภาคพร้อมพร้อมกันไป
  • บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ และแอพพลิเคชั่นทางด้าน Fintech และลงทุนในธุรกิจ
Srarted-up ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ.เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมนำ JFIN Coin จำนวน 100 ล้านโท
เคน เข้าทำการซื้อขายในตลาดรองเป็นครั้งแรก (1st Trading Day) วันที่ 2 พ.ค.61
  • รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยว่า จีนยังคงเดินหน้าต่อต้านนโยบายกีดกันการค้าทุกรูปแบบ และพร้อมปกป้อง
ระบบการค้าแบบพหุภาคี

จีนจะผลักดันการปฏิรูปประเทศและเปิดเสรีด้านการทำธุรกรรมผ่านธนาคารมากขึ้น รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยและ การประกันภัย พร้อมผ่อนปรนข้อกำหนดต่างๆให้กับบริษัทต่างชาติที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ เรือ และเครื่องบิน

  • ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ได้กล่าวในแถลงการณ์ต่อที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของกองทุนการเงินระหว่าง
ประเทศ (IMF) ว่า เมื่อปี 2560 อัตราส่วนหนี้สินนอกภาคการเงินของจีนปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่หนี้สินของบริษัทเอกชนปรับ
ตัวลงในระดับหนึ่ง ส่วนอัตราหนี้สินในภาคการเงินนั้น อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้

รัฐบาลจีน "ยังคงมุ่งมั่นในการเดินหน้า" ปฏิรูประบบกำกับดูแลภาคการเงิน โดยได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการด้าน เสถียรภาพและการพัฒนาภาคการเงิน ในสังกัดของคณะรัฐมนตรีจีน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

  • นักลงทุนต่างจับสถานการณ์การเมืองในคาบสมุทรเกาหลี ก่อนหน้าที่นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือและ
ประธานาธิบดีมูน แจ อิน แห่งเกาหลีใต้จะประชุมร่วมกันในวันที่ 27 เม.ย.นี้
  • จับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขดัชนี PMI
เดือนเม.ย. ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ. และตัวเลขจีดีพี
ประจำไตรมาส 1/2561 (advanced report) นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป และธนาคาร
กลางญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูล PMI เดือนเม.ย.(เบื้องต้น) ของอีกหลายประเทศด้วยเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ