ASEM FinMM เห็นพ้องดำเนินนโยบายการเงิน-การคลังควบคู่ปฏิรูปโครงสร้าง หนุนพัฒนาเทคโนฯ รับความท้าทายใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 30, 2018 12:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Finance Ministers’ Meeting: ASEM FinMM) ครั้งที่ 13 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงโซเฟีย สาธารณรัฐบัลแกเรีย โดยมี รมว.คลังสาธารณรัฐบัลแกเรีย (Mr. Vladislav Goranov) เป็นประธาน พร้อมกับ รมว.คลังหรือผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซม ทั้งจากฝ่ายยุโรปและเอเชีย รวม 44 ประเทศ คณะกรรมาธิการยุโรป และผู้แทนระดับสูงจากองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ ธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารพัฒนาเอเชีย เป็นต้น โดย รมว.คลังอาเซมได้หารือในเรื่องต่างๆ ดังนี้

1. สถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียและยุโรป โดยเห็นว่าเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรปและเอเชียซึ่งมีอุปสงค์ภายในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ อนึ่ง ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรปมาจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ การบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง และระดับความเชื่อมั่นของภาคเอกชนและภาคครัวเรือนที่สูง ขณะที่ปัจจัยบวกของการเติบโตทางเศรษฐกิจเอเชียมาจากอุปสงค์ภายในประเทศที่เข้มแข็งและภาคการส่งออกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ อาทิ การดำเนินนโยบายปกป้องทางการค้า ความเปราะบางทางการเงิน การดำเนินนโยบายการคลังที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเศรษฐกิจ (Pro-cyclical) ของสหรัฐอเมริกา ระดับหนี้ภาคเอกชนที่เพิ่มสูงขึ้นในหลายประเทศ เป็นต้น

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินของภูมิภาค ที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงบทบาทของกลไกความช่วยเหลือทางการเงินในกรณีที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและยุโรป ได้แก่ European Stability Mechanism (ESM) มาตรการริเริ่มเชียงใหม่สู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation: CMIM) และการดำเนินงานของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office: AMRO) และสนับสนุนให้มีความร่วมมือระหว่าง IMF กับกลไกความช่วยเหลือทางการเงินดังกล่าวมากขึ้น ในการนี้ ที่ประชุมสนับสนุนความร่วมมือระหว่างทั้ง 2 ภูมิภาคในการดำเนินนโยบายภาคการเงิน การคลังควบคู่ไปกับการปฏิรูปโครงสร้าง (Structural Reform) เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคง ทั่วถึง และยั่งยืนในระยะต่อไป

2. ภาษีและการเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล มีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่อาจนำมาซึ่งความท้าทายด้านภาษีระหว่างประเทศและการระดมทรัพยากรภาครัฐ ซึ่งที่ประชุมได้อภิปรายอย่างกว้างขวางถึงแนวทางต่าง ๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว พร้อมทั้งยินดีที่องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development: OECD) จัดทำรายงานเรื่องความท้าทายด้านภาษีจากการเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล (Interim Report on Tax Challenges Arising from Digitalization) ซึ่งได้ระบุถึงแนวทางในการขจัดความซ้ำซ้อนของการจัดเก็บภาษีระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ รมว.คลังอาเซม ได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการทบทวนแนวคิดในการจัดสรรกำไรให้สอดคล้องกับรูปแบบธุรกิจดิจิทัล เพื่อสนับสนุนให้มีการจัดเก็บภาษีจากธุรกิจดิจิทัลที่เป็นธรรม นอกจากนี้ รมว.คลังอาเซม ได้แสดงความมุ่งมั่นในการร่วมมือกันรับมือกับความท้าทายด้านภาษีจากเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อยกระดับระบบการจัดเก็บภาษีระหว่างประเทศต่อไป

3. ความท้าทายใหม่ ๆ ในระบบการเงินโลก โดยเห็นว่าความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์เป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ เนื่องจากความเสี่ยงดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีรูปแบบที่หลากหลายและซับซ้อน และส่งผลกระทบในวงกว้างต่อระบบการเงินโลก ซึ่งที่ประชุมได้มุ่งเน้นสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นแนวทางในการเสริมสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) นอกจากนี้ การพึ่งพาเทคโนโลยีสารสนเทศที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลอย่างรอบคอบทั้งจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินและหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ โดย รมว.คลังอาเซม พร้อมที่จะร่วมมือกันในการเสริมสร้างความมั่นคงของการให้บริการทางการเงินและสถาบันการเงินต่อไป

4. นอกจากนั้น นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้หารือทวิภาคีกับ Mr. David Lipton รองผู้อำนวยการอันดับที่หนึ่งของ IMF โดยได้แลกเปลี่ยนความเห็นและมุมมองต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ซึ่ง รมว.คลังได้ชี้แจงว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เช่น การขับเคลื่อนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน มาตรการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อย การปรับปรุงกฎระเบียบภายในประเทศ เป็นต้น สำหรับฝ่าย IMF ได้แสดงความกังวลว่าสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีนอาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก

รมว.คลัง ยังได้หารือทวิภาคีกับ Mr. Petteri Orpo รมว.คลังสาธารณรัฐฟินแลนด์ โดยฝ่ายฟินแลนด์ได้แสดงความสนใจต่อการดำเนินโครงการ National E-Payment ของไทย และเชิญชวนให้ไทยศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล และระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่ประสบความสำเร็จของฟินแลนด์ นอกจากนี้ รมว.คลังสาธารณรัฐฟินแลนด์ได้แจ้งว่า รมว.เศรษฐกิจสาธารณรัฐฟินแลนด์ จะเดินทางมาประเทศไทยเพื่อหารือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในเรื่องนี้

5. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซมครั้งต่อไป จะจัดขึ้นในปี 2563 โดยคาดว่าประเทศสมาชิกฝ่ายเอเชียจะเป็นเจ้าภาพ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ