ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.82 กลับมาอ่อนค่าจากช่วงเช้าหลังกนง.คงดอกเบี้ยตามคาด ตลาดรอปัจจัยใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 20, 2018 17:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 32.82 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ตอนเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.73 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.68-32.84 บาท/ดอลลาร์

"หลังผล กนง.ออกมาบาทก็อ่อน...แม้ผลโหวตจะไม่เป็นเอกฉันท์แต่ตลาดรับทราบ กนง.ประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนว โน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง..ขณะที่วันนี้หุ้นบวก หลังวานนี้ร่วงแรง ส่วนสงครามการค้ามองว่ายังเป็นเรื่องที่ต้องจับตาต่อไปเพียงแต่ช่วง นี้ตลาดอาจจะมองหาปัจจัยใหม่ๆ" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในระหว่าง 32.60-32.80 บาท/ดอลลาร์ตามเดิม

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.09 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 110.07 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1572 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1582 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,664.26 จุด เพิ่มขึ้น 24.72 จุด, +1.51% มูลค่าการซื้อขาย 60,045.53 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,624.03 ลบ.(SET+MAI)
  • ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้มีมติ 5 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่
1.50% ต่อปี โดยมีกรรมการ 1 เสียงให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.75% ต่อปี ในการประชุมครั้งนี้ ขณะที่มี
กรรมการ 1 รายลาประชุม
  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีความเห็นต่อผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการ
เงิน (กนง.) ว่า กนง. มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นับเป็นการตรึงดอกเบี้ยเป็นครั้งที่
25 ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าและซื้อขายอยู่ใกล้ระดับ 32.83 ต่อดอลลาร์
  • กนง.ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 61 เป็น 4.4% จากเดิม 4.1% และในปี
62 ปรับเพิ่มเป็นเติบโต 4.2% จากเดิม 4.1% เนื่องจากมองว่าการส่งออกในปีนี้จะเติบโตถึง 9% ดีกว่าที่เดิมที่เคยคาดไว้ที่ 7.0%
ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนปีหน้าคาดว่าการส่งออกจะเติบโตชะลอลงมาที่ 5% แต่สูงกว่าเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 3.6%
  • แกรนท์ ธอนตัน ประเทศไทย กล่าวว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจในประเทศไทยในรายงานผลสำรวจธุรกิจ
นานาชาติของแกรนท์ ธอนตัน (Grant Thorn’s International Business Report-IBR) ไตรมาส 1/61 ปรับตัวขึ้นมาอยู่
ที่ 16% จากไตรมาส 4/60 อยู่ที่ 10% แต่มองว่าประเทศไทยยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก โดยเชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นใน
ปี 62 จะช่วยสร้างความมั่นใจและดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน นักธุรกิจกลับมาได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนการเติบโตทาง
เศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตได้มากขึ้นอีกด้วย
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนเม.ย.ในวันนี้ โดยระบุว่า กรรมการคนหนึ่ง
ของ BOJ กล่าวว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมถือเป็นสิ่งเป็นในการผลักดันเงินเฟ้อให้ขยายตัวรวดเร็วขึ้น แต่กรรมการ
ส่วนใหญ่ต้องการให้ BOJ คงนโยบายการเงินไว้ที่ระดับเดิม
  • รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานการประเมินภาวะเศรษฐกิจประจำเดือนมิ.ย. โดยระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงฟื้นตัวใน
ระดับปานกลาง โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งช่วยสนับสนุนมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจของ
ญี่ปุ่นจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่หดตัวลงในไตรมาสแรก
  • ทางการจีนได้ทำการทบทวนข้อจำกัดในการเข้าถึงตลาดของการลงทุนจากต่างประเทศ และจะเปิดเผยรายละเอียด
ต่อสาธารณชนในเร็วๆนี้
  • ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเม็ดเงิน 1 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.54 หมื่นล้านดอลลาร์) เข้าสู่ตลาด ผ่านทางข้อ
ตกลง reverse repo ขณะเดียวกันมีข้อตกลง reverse repo ที่ครบกำหนดไถ่ถอนมูลค่า 6 หมื่นล้านหยวน ซึ่งเท่ากับว่า ธนาคาร
กลางจีนได้อัดฉีดเงินสุทธิ 4 หมื่นล้านหยวนเข้าสู่ตลาดการเงินในวันนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ