รมว.คลัง ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญการเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของ SME-ภาคเกษตร หนุนศก.เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 11, 2018 15:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา "Thailand Competitiveness Conference 2018" หัวข้อ Powering Thailand Competitiveness through Digital Transformation ว่า ความสามารถในการแข่งขันของประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่มีการพูดถึงมาก โดยในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาอาจรู้สึกว่าเรื่องดังกล่าวไม่สำคัญมาก เพราะเรารู้ว่าเราแข่งขันได้ ทำได้ดีกว่าคนอื่น แต่หลังจากที่เทคโนโลยีการสื่อสาร การคมนาคมเปลี่ยนไป เหล่านี้ถือเป็นบริบทที่ทำให้ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน

"คนที่ไม่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน จะถูกดึงออกจากระบบ ส่วนบริษัทไหนแข่งขันไม่ได้ ก็จะถูกผลักออกจากธุรกิจ ในส่วนของประเทศ หากเราแข่งขันกับประเทศอื่นไม่ได้ เราก็จะเป็นประเทศที่ถูกลืม และการเติบโตทางเศรษฐกิจก็จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนกลายมาเป็นปัญหาของประเทศในอนาคต โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ย้ำและให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมาก ซึ่งถูกกำหนดเป็น 1 ใน 6 ข้อของแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่เป็นกรอบใหญ่ว่าไทยควรจะทำอะไร และไม่ทำอะไร หรือหากไม่ทำอะไรแล้วจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในระยะยาว" รมว.คลังกล่าว

พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามผลักดันในสิ่งที่รัฐบาลปกติไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เป็นการวางแผนเพื่ออนาคต โดยโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ถือเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาประเทศให้สามารถเติบโตต่อไปได้เรื่อย ๆ รวมถึงได้ยกเรื่องดิจิทัลขึ้นเป็นประเด็นสำคัญ เป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ถ้าเราทำได้ดีก็จะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ประเทศเติบโตเพิ่มขึ้นได้หลายเปอร์เซ็นต์ และยืนยันว่าไทยไม่ได้เดินหน้าเรื่องดิจิทัลช้ากว่าประเทศอื่น เราผลักดันเรื่องนี้พร้อม ๆ กัน ทำให้เรามีความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้พยายามช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ซึ่งจะเป็นอีกส่วนที่ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ แต่กลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ยังมีข้อจำกัด เพราะไม่มีอำนาจในการต่อรอง โดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เนื่องจากสถาบันการเงินคิดอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงถึง 7-8% ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1-2% ซึ่งจุดนี้เป็นประเด็นที่สะท้อนถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำได้อย่างชัดเจน

"รัฐบาลต้องไปช่วยผู้ประกอบการ SMEs และรายเล็ก ๆ เพราะในยุคเศรษฐกิจ 4.0 การลดต้นทุนของบริษัทขนาดใหญ่ด้วยการดึงเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมาก ก็จะทำให้การจ้างงานลดลง ผลที่ตามมาคือคนตกงานเพิ่มขึ้น ตรงนี้ถ้าเราไม่มีอะไรมารองรับก็จะเกิดปัญหากับประเทศ ซึ่ง SMEs เป็นจุดสำคัญที่จะเข้ามารองรับในส่วนนี้ ทำให้เกิดการจ้างงานได้เพิ่มขึ้น นั่นเป็นเครื่องสะท้อนความสำคัญของ SMEs โดยที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดแหล่งเงินทุน Soft Loan เพื่อให้ SMEs กู้ และสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างไม่เสียเปรียบอีกต่อไป เป็นผลให้ปัจจุบันสถานการณ์ของ SMEs ดีขึ้นมาก" นายอภิศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ ยังได้เดินหน้าโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยสนับสนุน 10 อุตสาหกรรมใหม่ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมอนาคตของโลก และผู้ประกอบการไทยมีความสามารถที่จะแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมดังกล่าว รวมทั้งยังมีการผลักดันเรื่องการจัดทำบัญชีเดียว ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ โดยในปี 2562 ผู้ประกอบการจะต้องใช้บัญชีที่ยื่นกับกรมสรรพากรในการขอสินเชื่อ หากทำถูกต้องก็จะเป็นเรื่องที่ดีสามารถเข้าถึงสินเชื่อทั้งจากสถาบันการเงิน และ Non Bank ได้อย่างไม่มีปัญหา

อย่างไรก็ดี ในส่วนของเกษตรกรซึ่งมีจำนวนสูงถึง 30 ล้านคน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือ เพราะเป็นเรื่องที่รู้ดีอยู่แล้วว่าภาคเกษตรส่วนใหญ่ยังประสบปัญหาความยากจน โดยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรถือเป็นอีกหัวใจสำคัญที่จะทำให้ประเทศก้าวข้ามเส้นแบ่งประเทศรายได้ปานกลางไปได้ จากอดีตที่ผ่านมา ประเทศไทยแก้ปัญหาภาคเกษตรผ่านโครงการรับจำนำข้าว ประกันราคาสินค้าเกษตร ที่ทำให้ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น แต่ผิดกับราคาตลาด และได้ผลดีในช่วงสั้น ๆ เท่านั้น รวมทั้งต้องมีการพัฒนาคนเพื่อรองรับยุค 4.0 และเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอีกด้วย


แท็ก thailand   E 20   SME  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ