พาณิชย์ พอใจไทยใช้สิทธิประโยชน์ FTA และ GSP รวมกว่า 3.6 หมื่นล้านดอลล์ เตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายเป็นโต 10% จากเดิมคาด 9%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 15, 2018 12:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ แถลงการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) โดยในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2561) มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ รวม อยู่ที่ 36,435.38 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์ฯ อยู่ที่ 73.72% ขยายตัวจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา 18.66% โดยแบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) 34,192.94 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าการส่งออกภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) 2,242.44 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) อยู่ที่ 34,192.94 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 75.15% ของมูลค่าการส่งออกรวมภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไปยังประเทศคู่ภาคีความตกลง และเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 20.05% ตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาเซียน (มูลค่า 12,901.81 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) จีน (มูลค่า 8,610.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ออสเตรเลีย (มูลค่า 4,735.93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ญี่ปุ่น (มูลค่า 3,677.85 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และอินเดีย (มูลค่า 2,237.49 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยความตกลงการค้าเสรีที่มีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (93.98%) ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (89.11%) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (88.43%)

เมื่อพิจารณาอัตราการขยายตัวของมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ แยกตามตลาดพบว่า ทุกตลาดยกเว้นนิวซีแลนด์มูลค่าการส่งออกภายใต้สิทธิประโยชน์ความตกลงการค้าเสรีมีการขยายตัวที่ระดับ 2 หลัก เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุด คือ จีน ซึ่งมีอัตราการขยายตัวที่ 29.93% รองลงมา คือ ตลาดอินเดีย และออสเตรเลียตามลำดับ แม้ว่าอินเดียจะเป็นตลาดที่มีมูลค่าการส่งออกภายใต้สิทธิประโยชน์สูงเป็นอันดับ 5 คือ อยู่ที่ 2,237.49 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 25.98% แต่เมื่อพิจารณาอัตราการใช้สิทธิประโยชน์ พบว่ามีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์เพียง 50.03% จึงอาจกล่าวได้ว่าตลาดอินเดียยังคงมีโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีซึ่งรัฐได้จัดทำขึ้น

สำหรับตลาดที่มีความสำคัญทั้งในแง่มูลค่าและการใช้สิทธิประโยชน์ คือ จีน ออสเตรเลีย และอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าและอัตราการใช้สิทธิประโยชน์สูงในอันดับต้นๆ ขณะเดียวกันก็มีอัตราการขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด สำหรับรายการสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ รถยนต์บรรทุก, รถยนต์นั่งส่วนบุคคล, ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ,น้ำตาลจากอ้อย และเครื่องปรับอากาศ

ส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ปัจจุบันไทยยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP 5 ระบบ ประกอบด้วย ญี่ปุ่น, สวิสเซอร์แลนด์, นอร์เวย์, สหรัฐอเมริกา และรัสเซียและเครือรัฐเอกราช โดยตลาดส่งออกสำคัญของไทยทั้งในเชิงมูลค่าและอัตราการใช้สิทธิประโยชน์ คือ สหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2561) มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP อยู่ที่ 2,242.44 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 57.15% ของมูลค่าการส่งออกภายใต้สิทธิ GSP รวม ซึ่งมีมูลค่า 3,923.58 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และหากเปรียบเทียบมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP ทั้งหมด พบว่ากว่า 90% เป็นการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP สหรัฐอเมริกา

โดยในช่วงครึ่งปีแรก มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP สหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 2,091.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 68.16% ของมูลค่าการส่งออกในรายการสินค้าได้สิทธิ GSP จากสหรัฐอเมริกาซึ่งมีมูลค่า 3,068.34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา 5.27% โดยสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ภายใต้ระบบ GSPสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ, เครื่องดื่มอื่นๆ, ถุงมือยาง, อาหารปรุงแต่ง และรถจักรยานยนต์ ซึ่งรายการสินค้าข้างต้นสหรัฐอเมริกาจะยกเว้นภาษีนำเข้าให้แก่สินค้าไทยที่ส่งออกภายใต้สิทธิพิเศษ GSP

นายอดุลย์ กล่าวว่า จากที่กรมการค้าต่างประเทศประเมินว่ามูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าจะมีอัตราการขยายตัวไม่น้อยกว่าอัตราการขยายตัวของการส่งออกรวมที่ 9% และเมื่อพิจารณามูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งมีมูลค่า 36,455.38 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งแบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ภายใต้ FTA ที่ 34,192.94 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ภายใต้ GSP ที่ 2,242.44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กรมฯ มั่นใจว่ามูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ จะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของการส่งออกที่สอดคล้องกับการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจโลก ประกอบกับการปรับปรุงระบบการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าที่สะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอนและค่าใช้จ่าย รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงสิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีต่างๆ กรมฯ จึงอยู่ระหว่างการประเมินความเป็นไปได้ที่จะปรับเพิ่มเป้าหมายการขยายตัวของมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯจาก 9% เป็น 10%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ