สรรพากร ยันเก็บภาษีจากการลงทุนตราสารหนี้ช่วยสร้างความเป็นธรรมในระบบ ไม่กระทบผลตอบแทนการลงทุน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 31, 2018 13:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้จัดเก็บภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยได้รับจากการลงทุนตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม ในอัตรา 15% ว่า หลังจากนี้ต้องส่งเรื่องให้กฤษฎีกาพิจารณา ก่อนเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา ดังนั้นตอนนี้กฎหมายจึงยังไม่มีผลบังคับใช้จริง จึงไม่ได้ส่งผลกระทบกับกองทุนรวมที่ดำเนินการในปัจจุบัน

ทั้งนี้ การจัดเก็บภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยได้รับจากการลงทุนตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม จะช่วยทำให้เกิดความเป็นธรรมในระบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากนี้กองทุนรวมต่าง ๆ จะมีการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรมในเรื่องค่าบริหารจัดการของกองทุนรวม (ค่าฟี) เพิ่มขึ้นด้วย เพราะค่าฟีสามารถแข่งขันได้ เช่น อาจมีการลดค่าฟีลง และมาปรับเพิ่มผลตอบแทนของกองทุนมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีกับผู้ลงทุนด้วย

"เราศึกษาเรื่องนี้มานานแล้ว และตอนนี้ก็กฎหมายยังไม่มีผลบังคับใช้ จึงไม่อยากให้ทุกฝ่ายต้องกังวล โดยเฉพาะบุคคลธรรมดาจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเรื่องนี้ ดังนั้นคนที่ลงทุนในกองทุนอยู่แล้วจึงไม่ต้องกังวล โดยยืนยันว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี้ เพื่อเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้ระบบ ส่วนเรื่องค่าฟีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงนั้น เชื่อว่ากองทุนรวมจะสามารถบริหารจัดการได้ จึงไม่ต้องกังวลว่าผลตอบแทนจะลดลง ดังนั้นหลังจากนี้อาจจะได้เห็นภาพการแข่งขันเรื่องค่าฟีมากขึ้น เพราะค่าฟีตรงนี้สามารถแข่งขันกันได้ ขณะที่เงินภาษีที่ได้ก็สามารถนำไปพัฒนาประเทศ" นายเอกนิติ กล่าว

นายเอกนิติ ยังกล่าวถึงภาพรวมการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2561 ว่า กระทรวงการคลังได้ปรับลดเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ ลงมาอยู่ที่ 1.86 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยมั่นใจว่าจะสามารถจัดเก็บได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยภาพรวมการจัดเก็บรายได้ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2561 ต่ำกว่าเป้าหมายเพียง 0.02% เท่านั้น

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่มีการประมาณการณ์ตัวเลขการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร ในปีงบประมาณ 2561 ไว้ที่ 1.9 ล้านล้านบาทนั้น ได้มีการคาดการณ์ว่าในปีนี้ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 36 บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งจะทำให้กรมฯ สามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าได้สูง รวมถึงมีการประเมินว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหลายครั้งในปีนี้ แต่ที่ผ่านมาพบว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ จึงต้องมีการทบทวนเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมภาษีใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจจริง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ