(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.77 กลับมาแข็งค่าจากวานนี้ มองกรอบวันนี้ 32.70-32.85 จับตาตลาดหุ้นไทยหลังร่วงแรง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 6, 2018 15:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.77 บาท/ดอลลาร์ แข็ง ค่าจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.82 บาท/ดอลลาร์

ทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ คงต้องจับตา re-act ของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ เนื่องจากเมื่อวานพบว่ามีแรง ขายหุ้นไทยค่อนข้างมากจากนักลงทุนต่างชาติ จึงทำให้เงินบาทเมื่อวานนี้อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ นอกจากนี้ยังต้องติดตามว่าตลาด หุ้นในภูมิภาคยังมีแรงขายต่อเนื่องอีกหรือไม่ จากผลที่นักลงทุนมีความกังวลในตลาดเกิดใหม่จากปัจจัยเดิมๆ

"วันนี้ต้องรอดูว่าตลาดหุ้นไทยจะมี re-act อย่างไร เพราะเมื่อวานนี้ต่างชาติขายหุ้นไปแรง บาทเลยอ่อน" นักบริหาร
เงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70-32.85 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (5 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.24351% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.40687%

SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 32.7967 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.26 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 111.59 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1642 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1574 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.8050 บาท/
ดอลลาร์
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สงครามการค้าสหรัฐ-จีนมีแนวโน้มยืด
เยื้อ หลังการเจรจา 2 ฝ่ายยังไม่ได้ข้อยุติ โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ น่าจะใช้สงครามการค้าเบี่ยงเบนความสนใจ
จากที่โดนโจมตีปัญหาส่วนตัว และเพื่อรักษาฐานเสียงในการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือน พ.ย.นี้ และอาจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน
25% รวมมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากที่ขึ้นภาษีแล้ว 50,000 ล้านเหรียญฯ และจีนอาจจะโต้ตอบโดยการขึ้นภาษีนำเข้า
สินค้าจากสหรัฐ
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)เร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล
ให้ผ่านความเห็นจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และออกมาเป็นกฎหมายบังคับ
ใช้ภายในรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจแบบดิจิทัลเต็มตัวในอนาคต
  • ที่ประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) มีมติเห็นชอบกรอบการจัดสรรงบให้จังหวัดและกลุ่ม
จังหวัดประจำปีงบประมาณ 2563 รวม 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการจัดสรรงบดำเนินการโครงการของจังหวัดต่างๆ 19,600
ล้านบาท จัดสรรให้กับกลุ่มจังหวัด 8,400 ล้านบาท
  • วิกฤตการณ์ค่าเงินกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และความกังวลสงครามการค้าที่สหรัฐขู่จะตั้งกำแพงภาษีรอบใหม่กับจีน
มูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.5 ล้านล้านบาท) ภายในสัปดาห์นี้ ทำให้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นทั่วโลกวานนี้ นำโดย
ตลาดหุ้นอินโดนีเซียที่ลบ 3.76% เซี่ยงไฮ้ลบ 1.6% และดัชนีเอ็มเอสซีไอ เอเชีย-แปซิฟิก ร่วงวันที่ 6 ติดต่อกัน
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 9.5% สู่ระดับ 5.01 หมื่นล้าน
ดอลลาร์ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และเป็นการขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังระบุด้วยว่า สหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนพุ่งขึ้น 10% สู่ระดับ 3.68 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก. ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ขาดดุลการค้าต่อเม็กซิโกลดลง 25.3% สู่ระดับ 5.5 พันล้านดอลลาร์ และขาดดุลต่อ สหภาพยุโรปพุ่งขึ้น 50% สู่ระดับ 1.76 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ขาดดุลต่อแคนาดาเพิ่มขึ้น 57.6% สู่ระดับ 3.1 พันล้านดอลลาร์

  • เงินปอนด์และยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5
ก.ย.) ขานรับความหวังที่ว่า การเจรจาเกี่ยวกับการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะเป็นไปอย่าง
ราบรื่น ขณะที่ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า สหรัฐมียอดขาดดุลการค้าสูงสุดในรอบ 5 เดือน
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยเพิ่มความน่าดึง
ดูดให้กับทองคำ นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า ยังทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ
ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดานั้น จะ
ทราบผลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.จาก

ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 2/2561, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ

(PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนส.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุป

ทานของสหรัฐ (ISM) และ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ