นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 32.64 บาท/ดอลลาร์ จากตอน เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.70 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 32.63-32.71 บาท/ดอลลาร์
"ระหว่างวันมีแรงเทขายดอลลาร์ออกบ้าง ขณะที่ปัจจัยหลักที่ตลาดรอคอยยังเป็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและ จีนที่กลับมาสู่ภาวะไม่แน่นอน และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)"นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวเงินบาทวันพรุ่งนี้ะหว่าง 32.60-32.70 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 112.00 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 112.03 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ 1.1655 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 1.1632 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,718.39 จุด ลดลง 3.82 จุด, -0.22% มูลค่าการซื้อขาย 49,524.05 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 306.08 ลบ.(SET+MAI)
- กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้ม
เคลื่อนไหวในกรอบ 32.55-32.95 ต่อดอลลาร์ ในภาพรวมตลาดต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนเรื่องสงครามการค้าโลกอีกครั้งหลัง
ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ เตรียมดำเนินการเก็บภาษีสินค้าจีน นอกจากนี้ ตลาดจะให้ความสนใจการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น
(บีโอเจ) รวมถึงความคืบหน้าของอังกฤษเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ในระยะถัดไป ภาวะเช่นนี้จะทำให้ตลาดยังคงอยู่ในภาวะผันผวน
ต่อเนื่อง
สำหรับปัจจัยชี้นำหลักภายในประเทศ คาดว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 19 กันยายนจะมี มติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ด้วยเสียงไม่เป็นเอกฉันท์
- ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า จีนควรเปิดกว้างตลาดการเงินมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความ
สามารถทางการแข่งขันในตลาดโลก
- ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดสภาพคล่องวงเงิน 2.65 แสนล้านหยวน (ประมาณ 3.86 หมื่นล้านดอลลาร์) เข้าสู่ตลาด
ในวันนี้ ผ่านทางโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) เพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบให้เพียงพอ
- ธนาคารกลางฮ่องกงได้เปิดตัวระบบการชำระเงินที่รวดเร็วขึ้น เพื่อกระตุ้นให้มีการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆด้านการ
เงิน โดยระบบดังกล่าวจะสามารถรองรับได้ทั้งการชำระเงินในสกุลดอลลาร์ฮ่องกงและเงินหยวน