สบน. แจงข้อกังวลหนี้สาธารณะ มั่นใจไม่กระทบระบบเศรษฐกิจ เน้นให้ความสำคัญคุณภาพมากกว่า

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 11, 2018 12:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรัชย์ อัตนวานิช โฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า กรณีมีข้อกังวลในสื่อโซเชียลต่อยอดหนี้สาธารณะของไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดหนี้สาธารณะเดือน ส.ค.61 อยู่ที่ 6.67 ล้านล้านบาท คิดเป็น 41.32% ต่อจีดีพี ซึ่งในส่วนนี้เป็นหนี้ของรัฐบาลสูงถึง 5.36 ล้านล้านบาทนั้น ยืนยันว่า การบริหารหนี้สาธารณะยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง ซึ่งยังคงไม่เกิน 60% ต่อจีดีพี ซึ่งหนี้สาธารณะในระดับปัจจุบันยังถือว่าค่อนข้างต่ำ

อย่างไรก็ดี แม้หนี้สาธารณะจะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น แต่ไม่ได้มีความน่าเป็นห่วงต่อระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากที่ผ่านมาการใช้จ่ายของรัฐบาลผ่านโครงการลงทุนขนาดใหญ่ต่างๆ ได้สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็เติบโตขึ้นสอดคล้องกับจำนวนหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นประเด็นสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าจำนวนหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง แต่สิ่งที่ สบน.ให้ความสำคัญมากกว่านั้น คือการก่อหนี้ที่มีคุณภาพของรัฐบาล และรัฐวิสาหกิจ

"การก่อหนี้ของรัฐบาล และรัฐวิสาหกิจ เราจะให้ความสำคัญกับคุณภาพหนี้ และการใช้จ่าย การก่อหนี้ที่ดีคือต้องทำให้เกิดรายได้ในอนาคต และสร้างศักยภาพของประเทศ คน และองค์กรในระยะยาว ซึ่งการก่อหนี้ในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลใช้นั้น ถือว่าเป็นการก่อหนี้ที่มีคุณภาพ ซึ่งในอนาคตจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน" โฆษก สบน. กล่าว

พร้อมระบุว่า ในอดีตที่ผ่านมาตั้งแต่ไทยประสบกับวิกฤติการณ์ทางการเงินนั้น จะพบว่ารายจ่ายด้านการลงทุนของภาครัฐมีตัวเลขที่ลดลง ประกอบกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้นโยบายการลงทุนของรัฐบาลประสบปัญหาไม่ต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนในระดับที่ต่ำมากต่อเนื่องหลายปี ย่อมส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

"หลังจากมีวิกฤติเศรษฐกิจ งบรายจ่ายลงทุนของเราลดลงตลอด นอกจากนี้การเมืองที่มีความขัดแย้งก็ทำให้นโยบายการลงทุนระยะยาวมีปัญหา Public investment ต่อจีดีพีของไทยต่ำมากไม่ถึง 5% ยิ่งปีไหนที่การเมืองขัดแย้งมากๆ จะเหลือแค่ 4% ต้นๆ ในขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้วจะมี Public investment ถึง 10-15% ต่อจีดีพี ซึ่งของไทยต่ำกว่าถึงครึ่ง แต่ปัจจุบันรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่างบลงทุนตั้งแต่ปี 57-61 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตลอด" นายธีรัชย์ ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ