นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.60 บาท/ดอลลาร์ จากเย็น วันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.60/63 บาท/ดอลลาร์
"เงินบาททรงตัวจากท้ายตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ และเป็นวันหยุดฟันหลอ ส่วนปัจจัยต่อไปที่สำคัญคือ ตัวเลขนำเข้าส่งออกของไทย และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งต้องรอดูว่าจะส่งสัญญาณการหยุดทำ QE เมื่อไหร่"นัก บริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.55-32.65 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (19 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.28115% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.36789%
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.54 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 112.36 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1505 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 1.1461 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.6170 บาท/
ดอลลาร์
- ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (22-26 ต.ค.) ที่ 32.50-32.90 บาทต่อ
ดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดในประเทศน่าจะอยู่ที่ตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนก.ย. ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญใน
ระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนก.ย. ดัชนีความเชื่อ
มั่นผู้บริโภค และดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนต.ค. ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3/2561
(advance) และรายงาน Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่
เฟด สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป และดัชนี PMI ของ
ประเทศชั้นนำอื่น ๆ
- สคร.ฟุ้งขายหมดเกลี้ยงหน่วยลงทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ 4.5 หมื่นล้านบาท รายย่อย-สถาบันสนใจซื้อทะลัก จ่อ
ประชุมเกลี่ยสัดส่วนใหม่ การันตีได้รับหน่วยลงทุนทุกคน พร้อมเข็น TFFIF เฟส 2 ต่อทันที
- รายงานผลประกอบการ 11 ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย งวดประจำไตรมาส
3/2560 มีกำไรสุทธิ 49,246 ล้านบาท ลดลง 8.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ภาพรวม 9 เดือน แบงก์ไทยมีกำไร
สุทธิ 150,249 ล้านบาท ลดลง 3.34% โดยธนาคารที่มีกำไรสุทธิลดลงมากที่สุดได้แก่ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ตามด้วยธนาคารกรุง
ไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ส่วนธนาคารที่มีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นมากที่สุดได้แก่ กลุ่มทิสโก้ ตามมาด้วยธนาคาร
ธนชาต และธนาคารทหารไทย
- นายกรัฐมนตรี พอใจผลการจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขันระดับโลก 4.0 ประจำปี 2018 (Global
Competitiveness Index 4.0) ของ WEF ที่ประเทศไทยมีอันดับและคะแนนดีขึ้น โดยอยู่ในอันดับที่ 38 จาก 140 ประเทศทั่ว
โลก มีคะแนน 67.5 เต็ม 100 จากเดิมอยู่ในอันดับที่ 40 คะแนน 66.3 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนว่าประเทศไทยก้าวสู่ความเป็น
4.0 มากขึ้น
- ประธานาธิบดีจีนได้ออกมาให้คำมั่นว่า รัฐบาลจีนจะให้การสนับสนุนภาคเอกชนอย่างจริงจัง ซึ่งนับเป็นความเคลื่อน
ไหวล่าสุดที่รัฐบาลจีนต้องการบรรเทากระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ
- ภาคเอกชนต่างไม่พอใจกับการเจรจาเรื่องการถอนตัวของอังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ที่
ไม่มีความคืบหน้า พร้อมกับระงับหรือยกเลิกการลงทุนในอังกฤษ
- สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.ย.ปรับตัวลด
ลง 3.4% จากเดือนส.ค. แตะระดับ 5.15 ล้านยูนิต
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์:
[email protected]