นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยผลการเดินทางเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27-29 ต.ค.ที่ผ่านมาตามข้อเสนอของบาห์เรน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนระหว่างกัน และติดตามประเด็นความคืบหน้าต่างๆ
โดยการเยือนบาห์เรนครั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้เชิญบริษัทรายใหญ่ของไทยที่สนใจขยายธุรกิจในตลาดตะวันออกกลาง อาทิ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF), Baiyoke Intertrade และบมจ.จีเอฟพีที (GFPT) เข้าร่วมเจรจาการค้า และแสวงหาลู่ทางการค้าการลงทุน ตลอดจนโอกาสในการขยายธุรกิจในตลาดบาห์เรนและตะวันออกกลาง ซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิดมูลค่าการเจรจาการค้าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ เกิดคู่ค้าและพันธมิตรทางมิตรใหม่ๆ อันนำไปสู่ความร่วมมือลงทุน/ร่วมทุนระหว่างกันในอนาคต เป็นผลให้มูลค่าการค้าการลงทุนรวมระหว่างไทย-บาห์เรนขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
รวมถึงได้ติดตามความคืบหน้าโครงการ Thai Mart ซึ่งเป็นเอ้าท์เล็ตขายสินค้าไทยในบาห์เรน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตกแต่ง และคาดว่าจะเปิดจำหน่ายสินค้าไทยได้ในเดือนเมษายน 2562 โดยฝ่ายบาห์เรนได้แจ้งอย่างไม่เป็นทางการว่า คณะรัฐมนตรีบาห์เรนได้อนุมัติให้ภาคเอกชนไทยสามารถถือหุ้นในโครงการ Thai Mart ได้ 100% จึงนับเป็นสัญญาณอันดีที่จะเปิดโอกาสให้สินค้าไทยเจาะเข้าสู่ตลาดบาห์เรนและตะวันออกกลางได้มากขึ้น
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังมีแผนที่จะผลักดันให้ภาคเอกชนไทยไปเปิดเอ้าท์เล็ตในประเทศต่างๆ ให้ได้เพิ่มขึ้นอีก เพราะเป็นนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้กระทรวงฯ ดำเนินการช่วยเหลือและผลักดันภาคเอกชน เพราะเป็นการสร้างโอกาสในการขยายตลาดให้สินค้าไทยได้ดีอีกทางหนึ่ง
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ในการเดินทางมาครั้งนี้ ยังได้หารือถึงการผลักดันให้ไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้าอาหารให้กับบาห์เรน เพื่อความมั่นคงด้านอาหาร (ฟู้ด ซีเคียวริตี้) และผลักดันอาหารฮาลาลและผลไม้ไทย เช่น ไก่ มะม่วง มะขามหวาน มังคุด ส้มโอ เป็นต้น เข้าสู่ตลาดตะวันออกกลาง และขอให้บาห์เรนเป็นแหล่งพลังงานให้กับไทย
ขณะเดียวกัน จะเร่งผลักดันการเปิดร้านอาหารไทยในบาห์เรนให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันมีรายใหญ่ 4-5 แห่ง รายเล็กๆ อีกกว่า 100 แห่ง ซึ่งหากมีจำนวนมากขึ้น จะช่วยส่งเสริมการส่งออกอาหารและวัตถุดิบของไทย
อย่างไรก็ตาม บาห์เรนต้องการให้ไทยเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำตาลทราย โรงพยาบาล และการก่อสร้าง รวมทั้งจะผลักดันเพิ่มการท่องเที่ยวระหว่างไทย-บาห์เรน โดยจะเพิ่มเที่ยวบินจาก 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น 10 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการท่องเที่ยวระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น
แม้บาห์เรนจะดูเป็นตลาดขนาดเล็กของไทย โดยในปี 2560 การค้าระหว่างไทย-บาห์เรนมีมูลค่ารวม 290.12 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ไทยยังสามารถใช้ประโยชน์จากสภาพทางภูมิศาสตร์ของบาห์เรน ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งบนเส้นทางที่เป็นจุดผ่านและกระจายสินค้าไปยังตลาดสำคัญอื่นๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดิอาระเบีย รวมถึงตลาดนอกภูมิภาคอย่างแอฟริกาเหนือ เอเชียใต้ และเอเชียกลาง
ทั้งนี้ กรมฯ ได้ให้ความสำคัญกับการผลักดันการค้าเชิงรุก โดยเฉพาะตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียใต้ ซึ่งแม้ว่าจะยังมีสถานการณ์ไม่สงบในประเทศแต่ก็เป็นตลาดกำลังพัฒนาที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจึงเป็นตลาดที่ละทิ้งไม่ได้โดยต้องคอยมองหาโอกาสและปรับช่องทางในการเข้าสู่ตลาดให้ทันต่สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในตลาดและสามารถเข้าครองสัดส่วนตลาดได้อย่างยั่งยืน