รมว.พาณิชย์ ลงพื้นที่จ.ขอนแก่นเร่งสร้างการรับรู้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ พร้อมส่งเสริมชุมชนไม้มีค่า

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 14, 2018 15:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อสร้างการรับรู้และชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ หลังจากที่กฎกระทรวงกำหนดให้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2561 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา เป้าหมายหลักของการลงพื้นที่ในครั้งนี้ คือ การชี้แจงรายละเอียดสำคัญประเด็น "ไม้ยืนต้น ใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้" โดยไม้ยืนต้นที่ปลูกในที่ดินกรรมสิทธิ์ของเกษตรกรและประชาชนเป็นทรัพย์สินที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้

ซึ่งก่อนหน้านี้ ไม้ยืนต้นที่ปลูกในที่ดินกรรมสิทธิ์จะไม่ได้รับการประเมินในการให้สินเชื่อ จะประเมินเฉพาะส่วนที่เป็นที่ดินเท่านั้น แต่หลังจากที่กฎกระทรวงฯ มีผลบังคับใช้ทำให้สถาบันการเงินสามารถเพิ่มประเภททรัพย์สินในการให้สินเชื่อมากขึ้น ส่งผลดีทั้งต่อสถาบันการเงินและเกษตรกร/ประชาชนที่ต้องการใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการขอสินเชื่อโดยมีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้เกษตรกรและคนในชุมชนรวมกลุ่มกันสร้าง "ชุมชนไม้มีค่า" ตามแนวนโยบายประชารัฐและไทยนิยมยั่งยืนของรัฐบาล เพื่อส่งเสริมให้มีการปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจในที่ดินกรรมสิทธิ์หรือที่ดินที่มีสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ของประเทศตั้งแต่ระดับฐานราก เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้ดีขึ้น เข้มแข็งขึ้น เติบโตอย่างยั่งยืน สามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว รวมทั้งช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าซึ่งเป็นแหล่งออกซิเจนให้แก่ประเทศ ลดภาวะก๊าซเรือนกระจกที่เป็นปัญหาสำคัญระดับโลก

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายให้เกิดชุมชนไม้มีค่า จำนวน 20,000 ชุมชน ภายใน 10 ปี ส่งเสริมและขยายผลให้ประชาชน 2.6 ล้านครัวเรือน ปลูกต้นไม้รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,000 ล้านต้น ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น 26 ล้านไร่ เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 1 ล้านล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ บ้านท่าลี่ ต.บ้านกง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น เป็นแหล่งชุมชนที่เป็นธนาคารต้นไม้แห่งแรกของประเทศไทย ชื่อว่า "ธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่" และกำลังพัฒนาสู่การเป็นชุมชนไม้มีค่าที่มีความหลากหลายของสายพันธุ์ต้นไม้ และเป็นต้นแบบสำหรับชุมชนอื่นๆ ที่กำลังจะพัฒนาให้เป็นชุมชนไม้มีค่าของประเทศ

พร้อมกันนี้ ได้เตรียมพัฒนาพื้นที่ปลูกป่าทั่วประเทศให้เป็นแหล่งคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ของโลกเพื่อการซื้อขายในอนาคต โดยคาร์บอนเครดิต เป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่สามารถตีราคาเป็นเงิน และสามารถซื้อขายกันได้ในตลาดเฉพาะ ที่เรียกว่า "ตลาดคาร์บอน" ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย แต่ในอนาคตคาดว่าจะเป็นสินค้าที่มีความสำคัญ และมีการซื้อขายกันมากยิ่งขึ้น เพื่อทดแทนการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (คาร์บอนไดออกไซต์) ที่ส่วนใหญ่เกิดจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมหรือจากการคมนาคม

อนึ่ง คาร์บอนเครดิต หมายถึง ก๊าซที่เป็นตัวทำให้ปฏิกิริยาเรือนกระจกต่างๆ ที่แต่ละโรงงานสามารถลดได้ จะถูกตีราคาเป็นเงิน ก่อนจะถูกขายเป็นเครดิตไปยังประเทศที่พัฒนาแล้ว ตามข้อตกลงในพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocal) ที่กำหนดให้ประเทศพัฒนาแล้ว (Annex1) ต้องลดปริมาณการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจก (Green House Effect) ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ "โลกร้อน" ในหลายแนวทาง หนึ่งในนั้นคือ "การซื้อขายมลพิษ" หรือ คาร์บอนเครดิต กับประเทศที่กำลังพัฒนา (Non-Annex1) เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วไม่สามารถลดก๊าซที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกลงได้ ดังนั้น การซื้อขายคาร์บอนเครดิตจึงเปรียบเสมือนความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมโลกร่วมกันของผู้ประกอบการจากประเทศที่พัฒนาแล้ว"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ