(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.61 แข็งค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์อ่อน รอดูตัวเลขส่งออกไทย มองกรอบวันนี้ 32.55-32.70

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 21, 2018 14:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.61 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า ต่อเนื่องจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ 32.69 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาคหลังมีแรงเทขายดอลลาร์ในตลาดโลก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองภายในของสหรัฐที่อาจส่งผลให้หน่วยงานบางแห่งจะถูก Shut down

"บาทแข็งค่าต่อเนื่องตามภูมิภาค เนื่องจากยังคงมีแรงเทขายดอลลาร์ออกมา โดยนักลงทุนกังวลเรื่อง Shut down"
นักบริหารเงิน กล่าว

ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้กระทรวงพาณิชย์จะประกาศตัวเลขการส่งออกและนำเข้าในเดือน พ.ย.61

นักบริหารเงินคาดวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.55-32.70 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (20 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.69095% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.64578%

SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 32.6550 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 111.19 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 111.72 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1455 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ระดับ 1.1480 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.7650 บาท/
ดอลลาร์
  • วันนี้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย (นำเข้า-ส่งออก) ประจำ
เดือน พ.ย. 2561
  • ธนาคารออมสินนำร่องขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก 0.25% พร้อมประสานเสียงแบงก์รัฐตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ สวน กนง. หวั่น
กระทบลูกค้า
  • ผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้กับลูกค้าทันที แม้ว่า กนง.จะเห็น
ชอบให้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 0.25% ก็ตาม ซึ่งจากนี้ต้องขอติดตามสถานการณ์ตลาดสินเชื่อในช่วงเดือน ม.ค.อีกครั้ง ก่อนจะพิจารณา
ปรับดอกเบี้ยของธนาคาร เพราะไม่ต้องการให้กระทบกับลูกค้าที่ผ่อนบ้านกว่า 1 ล้านราย แต่เบื้องต้นประเมินว่า หากดอกเบี้ยนโยบายขึ้น
เพียงครั้งเดียว ธนาคารจะยังไม่ขึ้นเงินงวดผ่อนของลูกค้า และดอกเบี้ยอาจขยับแค่ครึ่งเดียว หรือประมาณ 0.125% แต่หากขึ้นมากกว่าก็
ต้องทบทวนดูอีกครั้ง
  • กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็ม อีแบงก์ กล่าว
ว่า แม้ว่า กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.75% แต่เอสเอ็มอีแบงก์ก็จะยังตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการไว้
เท่าเดิมจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.2562 เพื่อให้เวลาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 1 แสนรายได้ปรับตัว เนื่องจากในธุรกิจขนาดเล็กหากขึ้น
ดอกเบี้ยเงินกู้แล้วจะกระทบกับต้นทุนและการดำเนินงานอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการเอสเอ็มเสียดอกเบี้ยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีแบงก์อยู่
ที่ 5%
  • ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติเอกฉันท์ 9-0 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ในการประชุม
นโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากปัจจัยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพ
ยุโรป (Brexit) ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 99 วันก่อนถึงวันที่ 29 มี.ค.2562 ซึ่งอังกฤษจะต้องแยกตัวจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทาง
การ
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ
214,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 216,000 ราย
  • สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 217 ต่อ 185 เสียง ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะช่วยให้หน่วย
งานของรัฐบาลมีงบประมาณในการดำเนินงานเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ได้บรรจุงบ
ประมาณการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ ตามความต้องการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.)
หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมกับปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ
เศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้และปีหน้า
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลัง
จากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อม
ส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ด้วยเช่นกัน
  • ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)

เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย),

รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ