(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.52 แข็งค่าหลังมีแรงขายดอลล์ มองกรอบวันนี้ 32.40-32.55

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 28, 2018 14:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.52 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเย็น วานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 32.56 บาท/ดอลลาร์

"ล่าสุดเงินบาทแข็งค่าลงมาอยู่ที่ 32.43 หลังดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลหลังเนื่องจากเผชิญแรงขายจากประเด็นเดิมๆ แม้ ว่าช่วงนี้จะยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระทบตลาดก็ตาม ขณะที่ปริมาณธุรกรรมเริ่มเบาบางมากแล้ว"นักบริหารเงิน กล่าว

สำหรับวันนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไว้ระหว่าง 32.40-32.55 บาท/ดอลลาร์

"ถ้าแตะ 32.40 จะเป็นการแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 4 เดือนนับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 61" นักบริหารเงิน กล่าว

THAI BAHT FIX 3M (27 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.74155% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.69881%

SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 32.4050 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.74 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 110.89 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1446 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.1391 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.5900 บาท/
ดอลลาร์
  • ธนาคารออมสินเผยผลสำรวจการใช้จ่ายของประชาชนกลุ่มฐานรากช่วงปีใหม่ คาดว่ามียอด 30,200 ล้านบาท เฉลี่ยต่อ
คน 2,150 บาทลดลงจากปีก่อน เหตุระมัดระวังใช้จ่าย-ออมเพิ่ม
  • นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดจีดีพีไทย คาดปี 2562-2563 โตไม่ถึง 4% เตือนกีดกันการค้าปัจจัยเสี่ยงฉุดเศรษฐกิจอาเซียน
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการเงิน เปิดเผยว่า กนง.และ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กำหนดกรอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีที่ 2.5% บวกลบ 1.5% หรือกรอบ 1-4% เป็นเป้า
หมายนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลางและกรอบเป้าหมายของปี 2562 ซึ่งได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้ว อยู่
ระหว่างการลงประกาศราชกิจจานุเบกษา
  • ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายก
รัฐมนตรี ได้สั่งการให้กรมทางหลวงแก้กฎหมายกองทุนเงินมอเตอร์เวย์ ให้ ครม. เห็นชอบอย่างเร่งด่วน เพื่อให้สามารถจัดตั้งกองทุนรวม
โครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) สอง ออกมาขายให้ประชาชนทั่วไปได้ภายในต้นปีหน้า หลังจากที่การ
ระดมทุนรอบแรก 4.4 หมื่นล้านบาท ได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยและสถาบันขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว
  • "เอกชน" ชี้ท่องเที่ยวไทยปีหน้ายังโต หลังประเมินตลาดหลักอาเซียน อินเดีย-เอเชียตะวันออกยังส่งออก นักท่องเที่ยว
เยือนไทย แม้เศรษฐกิจจีนโตชะลอ ททท.ยันเป้ารายได้ 3.3 ล้านล้านบาท
  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกน่าจะชะลอตัวลงในปีหน้า แต่จะกลับมามีเสถียรภาพหลังจากนั้น
ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักลงทุนที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงเช่นกัน เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมในสกุลเงินดอลลาร์ปรับตัว
เพิ่มขึ้น เพราะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศว่า ทางธนาคารจะเดินหน้านโยบายการเงินแบบรอบคอบต่อไป พร้อมรักษาเสถียรภาพ
ของค่าเงินหยวน
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ
216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 49 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 217,000 ราย
  • ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 128.1 ในเดือนธ.ค.
จากระดับ 136.4 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐได้รับผลกระทบจากความคาดหวังที่ลดลงในเรื่องงานและสภาวะ
ธุรกิจ
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.)
เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองในสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ชัตดาวน์ที่มี
แนวโน้มยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้า
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
เป็นปัจจัยหนุนตลาด นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองในสหรัฐ ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ชัตดาวน์ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อไปจน
ถึงปีหน้า ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales)
เดือนพ.ย.
  • นักลงทุนติดตามทิศทางเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คณะผู้แทนสหรัฐจะเดิน
ทางไปเยือนจีนในวันที่ 7 ม.ค.ปีหน้า เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่ของจีน ขณะที่นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์ได้ออกแถลงการณ์
ยืนยันในเวลาต่อมาว่า จีนและสหรัฐมีแผนที่จะเจรจาการค้าในเดือนม.ค.ปีหน้า โดยเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมเจรจากันแบบหน้าต่อหน้า
ครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ตกลงที่จะสงบศึกการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเป็นเวลา 90 วัน
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา
  • นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในสหรัฐอย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงการที่หน่วยงานบางส่วนของ
รัฐบาลต้องปิดทำการชั่วคราวเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือภาวะชัตดาวน์ ที่มีแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อไปจนถึงวันที่ 3 ม.ค.ปีหน้า เนื่องจาก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปฏิเสธที่จะลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณที่ไม่รวมงบประมาณการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ