พาณิชย์ ปลื้มรุกขยายตลาดหลักข้าวเพื่อสุขภาพในแคนาดาได้สำเร็จ จากเดิมมีช่องทางจำหน่ายแค่เฉพาะกลุ่ม

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 27, 2019 13:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ รักษาราชการแทน รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่าจากผลความสำเร็จและ Momentum ของโครงการ Healthy Rice Campaign 2018 ที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมการค้าต่างประเทศ ได้นำคณะผู้แทนภาคเอกชนและผู้แทนที่เกี่ยวข้องเดินทางไปภูมิภาคอเมริกาเหนือ ในเดือนก.ค.61 โดยเริ่มจากนครโทรอนโต แคนาดา และเมืองใหญ่ๆในสหรัฐอเมริกา ทั้งนิวยอร์ก และวอชิงตันดีซี และเมืองสำคัญในภูมิภาคเอเชีย โดยได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และข้าว กข43 (RD43)" ที่ได้มีการเชิญผู้นำเข้าและสื่อมวลชนรายสำคัญเข้าร่วมงานในแต่ละแห่งนั้น

ล่าสุดได้รับรายงานจาก สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโทรอนโต ว่าจากความสำเร็จของโครงการได้ปลุกกระแสความสนใจให้เกิดการเจรจาการค้าซื้อขายนำเข้าสินค้าข้าวเพื่อสุขภาพมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันข้าวสีของไทย ได้เริ่มขยายไปอย่างแพร่หลาย โดยได้มีการวางจำหน่ายข้าวสีของไทยผสมกับข้าวท้องถิ่นในประเทศแคนาดา เนื่องจากกระแสชาวแคนาดาห่วงใยสุขภาพมากขึ้นและมองหาทางเลือก สินค้าข้าวสายพันธุ์ใหม่ๆ ข้าวสี ข้าวกล้องที่ดีต่อสุขภาพ

โดยทุกวันนี้ความสำเร็จของข้าวสี เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และข้าวกล้องสีของไทยได้ขยับไปอีกขั้นหนึ่ง โดยสามารถขยายเจาะเข้าตลาดหลัก (Mainstream) ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในแคนาดา ที่ผ่านมา ข้าวไรซ์เบอร์รี่และข้าวสีวางจำหน่ายภายในห้างซุปเปอร์มาร์เก็ตเอเชีย (Asian Supermarket) หรือร้านสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ (Health Shop) ร้านขายสินค้าออร์แกนิค (Organic Shop) ที่เป็นตลาด Niche Market เท่านั้น

อย่างไรก็ดี สินค้าข้าวสีผสมเพื่อสุขภาพตัวใหม่นี้ มาจากบริษัท Floating Leaf ซึ่งเป็นผู้นำเข้าแคนาดาที่มีเชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงในกลุ่มสินค้าธัญพืชและข้าว (Grain and Rice) ได้นำเข้าข้าวสีและข้าวไรซ์เบอร์รี่จากไทยมาผสมและวางจำหน่ายตั้งแต่กลางเดือน มกราคม 2562 เป็นต้นมา ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า Wild Rice Blend ในห้าง CostCo ที่มีกว่า 100 สาขาทั่วประเทศแคนาดาเจาะกลุ่มผู้รักห่วงใยสุขภาพ โดยเป็นข้าวที่มีส่วนผสมจากข้าว 5 สายพันธุ์ ได้แก่ Riceberry Rice (ข้าวไรซ์เบอร์รี่จากไทย), Kow Mum Red Rice (ข้าวมันแดงจากไทย), Long Grain Brown Rice (จากไทย), Wild Rice (จากแคนาดา) และ Calrose Rice (จากสหรัฐฯ) สินค้ามีส่วนผสมของข้าวจากไทยรวม 45%

"ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ทำหน้าที่เป็นพระเอกของสินค้าข้าวชนิดใหม่ ที่บรรจุภัณฑ์ได้เน้นคำว่า Superfood, Deep Purple in Color (หมายถึงสาร Antioxidant ที่สูง) รวมถึงระบุสารอาหารที่เป็นประโยชน์ อาทิ Manganese, Niacin, Thiamine, Vitamin B6, Phosphorus, Magnesium, Zinc & Copper อีกทั้งบรรจุภัณฑ์ได้ระบุว่าเป็นสินค้า Non-GMO, Vegan, Kosher และ Gluten Free และข้าวสี ข้าวกล้องเป็นอาหารที่กากใยสูง (High Fiber) ที่ชาวตะวันตกเริ่มหันมานิยมบริโภคข้าวเป็น Side Dish (อาหารจานเครื่องเคียง) มากขึ้น โดยรับประทานร่วมไปกับ ผักสลัด ฯลฯ ทุกวันนี้ ได้มีนวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ ที่มีการ ผสมข้าวในกลุ่มที่เป็น Healthy Rice" รมช.พาณิชย์ระบุ

ทั้งนี้ แคนาดาเป็นประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น จึงไม่สามารถปลูกข้าวได้ ยกเว้น Wild Rice ซึ่งเป็นข้าวป่าที่ปลูกได้ในแคนาดามีคุณค่าทางอาหารสูง แต่มีข้อด้อยในเรื่องลักษณะข้าวที่แข็งหุงยาก ต้องแช่น้ำก่อนหุง ใช้เวลานานในการหุง และราคาสูง ทำให้ผู้ผลิตหลายรายได้นำข้าวหลายสายพันธุ์มาผสม รวมถึงการใส่ธัญพืช หรือ Grain ชนิดอื่นในข้าวด้วย เพื่อให้มีคุณสมบัตินิ่มลง หุงและรับประทานง่ายขึ้น

"การที่บริษัท Floating Leaf ได้เลือก ข้าวไรซ์เบอร์รี่และข้าวสีของไทยเป็นวัตถุดิบในการออกสินค้าใหม่ชนิดนี้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างสินค้าท้องถิ่นกับ สินค้า นำเข้า (Localization) ที่เหมาะสมและลงตัวพร้อมสร้างโอกาสการค้าให้กับสินค้าข้าวสีของไทย" น.ส.ชุติมาระบุ

ปัจจุบัน แคนาดาเป็นตลาดพรีเมี่ยมของข้าวไทย โดยเป็นตลาดข้าวหอมมะลิไทยที่ใหญ่อันดับ 4 ของโลก รองจาก สหรัฐฯ ฮ่องกง จีน และแคนาดา โดยในปี 2561 ไทยส่งออกข้าวมายังแคนาดามูลค่า 87.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 24.38% และข้าวกล้อง (ข้าวไรซ์เบอร์รี่) มีมูลค่าส่งออกมูลค่า 1.65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 39.83%

ขณะที่ตลาดข้าวสี ข้าวเพื่อสุขภาพได้เริ่มขยายตัวสู่ตลาด Mainstream ที่คู่แข่งของข้าวสีของไทยนั้น มาจากสหรัฐ ไต้หวัน และจีน ที่ทุกวันนี้ผู้บริโภคได้ตื่นตัวและหันมาสนใจบริโภคข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวกล้อง ข้าวสีของไทยมากขึ้น ซึ่งข้าว Wild Rice Blend ของบริษัท Floating Leaf นับว่าเป็นความสำเร็จก้าวแรกของไทยที่สามารถผลักดันให้ข้าวไรซ์เบอร์รี่ของไทยให้เป็นที่รู้จัก และวางจำหน่ายทั่วประเทศแคนาดาต่อไปในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ