พาณิชย์-เกษตร-พลังงาน เตรียมเสนอดูดซับน้ำมันปาล์มในสต็อกเพิ่มอีก 2 แสนตันให้กนป.พิจารณา 2 ก.ค.นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 29, 2019 17:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อร่วมกันหาทางออกในการแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์ม

โดยในระยะสั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ผลผลิตออกเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ จะขอให้กระทรวงพลังงานพิจารณาดูดซับผลผลิตในสต็อกจำนวน 200,000 ตัน โดยจะดึงออกไปก่อนในเบื้องต้น ภายในเดือนพฤษภาคม 2562 จำนวน 100,000 ตัน และพร้อมที่จะดูดซับเพิ่มเติมอีก 100,000 ตันหากสถานการณ์ผลผลิตปาล์มยังเพิ่มขึ้น รวมทั้ง จะหารือผู้ประกอบการใน supply chain ทั้งระบบเพื่อแก้ปัญหาในระยะกลาง และระยะยาวต่อไป

"เรื่องนี้อาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่องอย่างฉับพลัน แต่อย่างน้อยปัญหาจะต้องบรรเทา และจะยกระดับขีดความสามารถของผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบน้ำมันปาล์มให้สามารถแข่งขันได้ต่อไป โดยจะนำผลการหารือดังกล่าวกำหนดเป็นแนวทางดำเนินการนำเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) พิจารณาในการประชุมวันที่ 2 พฤษภาคม 2562 ต่อไป" น.ส.ชุติมา กล่าว

น.ส.ชุติมา กล่าวต่อว่า สถานการณ์ปาล์มที่มีปัญหาราคาตกต่ำในขณะนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากสภาวะการณ์น้ำมันปาล์มในตลาดโลกมีภาวะการแข่งขันที่รุนแรง โดยประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ ได้แก่ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ได้รับผลกระทบจากการที่สหภาพยุโรปออกมาตรการยกเลิกการใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ รวมทั้งการขึ้นภาษีนำเข้าของประเทศอินเดีย จึงส่งผลกระทบต่อภาวะการส่งออกและสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มของไทย

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการทบทวนตัวเลขผลพยากรณ์การผลิต ในปี 2562 เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเกิดสภาพอากาศร้อนจัด ส่งผลให้ต้นปาล์มมีทะลายปาล์มสุกเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีสภาพการสุกไม่สมบูรณ์ คือด้านนอกสุกแต่ด้านในไม่สุก ส่งผลต่อปริมาณที่ออกมากขึ้นและคุณภาพของผลปาล์มที่ลดลง

ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพการออกผลผลิตของต้นปาล์มในพื้นที่จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ในช่วงสัปดาห์ที่แล้วพบว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดดังกล่าว ส่งผลให้ผลปาล์มสุกเร็วขึ้น เกษตรกรจึงได้ตัดปาล์มเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ จากเดิมที่เคยตัดได้ต้นละ 3 ทะลายเป็น ต้นละ 5 - 6 ทะลาย ทำให้โรงงานสกัดฯ มีรถเข้าคิวที่หน้าโรงงานสกัดฯ จำนวนมาก ส่งผลให้ราคาผลปาล์มลดต่ำลงอย่างรวดเร็วในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะพื้นที่และปริมาณที่โรงงานสกัดฯ แต่ละโรงมีจำนวนจำกัด

จากการตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มของคณะทำงานระดับจังหวัดสัปดาห์ที่แล้ว สต็อกคงเหลือน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ของ 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ ชุมพร และนครศรีธรรมราช มีปริมาณลดลงจากเดือนเมษายน 2562 เฉลี่ยประมาณ 10% ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมมือตรวจสต็อกโรงงานสกัดฯ ทั่วประเทศในต้นเดือนพฤษภาคม 2562 ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ