ภาวะตลาดเงินบาท: เย็นนี้ 31.81 ทรงตัวจากช่วงเช้า ระหว่างวันแกว่งแคบ นลท.รอดูตัวเลข GDP Q1/62 ของสหรัฐฯ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 30, 2019 16:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทช่วงเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.81 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.79/81 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทวันนี้ยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยระหว่างวันแข็งค่าสุดที่ 31.79 บาท/ดอลลาร์ และอ่อนค่าสุดที่ระดับ 31.83 บาท/ดอลลาร์ โดยมองว่าวันนี้ไม่ค่อยมีข่าวหรือปัจจัยที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินได้มากนัก ขณะที่คืนนี้ คงต้องจับตาดูการรายงาน ตัวเลข GDP ไตรมาส 1/62 (ครั้งที่ 2) ของสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะมีผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินได้บ้าง

"วันนี้บาททรงตัวและแกว่งแคบกว่าหลายวัน แช่อยู่ในช่วง 31.80-31.81 มาตั้งแต่เที่ยง ไม่ขยับไปไหน ไม่ค่อยตอบรับปัจจัย จากข่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศเท่าไรนัก แต่คงต้องดูคืนนี้ที่สหรัฐจะรายงาน GDP ไตรมาส 1/62 ซึ่งตัวนี้น่าจะ move ตลาดได้พอ สมควร" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.75 - 31.90 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 31.8076 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.70 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 109.51/53 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1135 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1138/1142 ดอลลาร์/ยูโร
  • กระทรวงการคลัง เตรียมทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2562 อีกครั้งในเดือนก.ค. จากที่ได้ปรับคาดการณ์ GDP ปี
นี้เหลือโต 3.8% และตัวเลขการส่งออกขยายตัวได้ 3.4% ไปแล้ว โดยยังต้องมีการติดตามข้อมูลเศรษฐกิจด้านต่างๆ อย่างใกล้ชิด ขณะที่
ทิศทางการส่งออกช่วงครึ่งแรกของปีนี้ประเมินว่าจะติดลบ เนื่องจากในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.62) ภาพรวมการส่งออกติดลบ
1.9% โดยปัจจัยเสี่ยงหลักที่มีผลต่อการส่งออกของไทย ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัญหาความรุนแรงของสงครามการค้า
ระหว่างสหรัฐฯ และจีน
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยเศรษฐกิจไทยเดือนเม.ย.62 ยังขยายตัวได้ต่อเนื่องตามการใช้จ่ายใน
ประเทศ ผ่านการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม การนำเข้าสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภค และยอดจำหน่ายรถยนต์นั่ง ประกอบกับการกลับมาขยายตัวของ
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ นำโดยนักท่องเที่ยวจากอินเดีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ขณะที่การส่งออกสินค้ายังหดตัว -2.6% ส่วน
เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับที่มั่นคงทั้งภายในและภายนอก
  • กระทรวงการคลัง เผยช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61-เม.ย.62) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ
จำนวน 1,345,774 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 43,761 ล้านบาท หรือ 3.4% และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบ
ประมาณ 35,378 ล้านบาท หรือ 2.7% โดยเป็นผลจากการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร กรมศุลกากร และหน่วยงานอื่นสูงกว่า
ประมาณการ รวมถึงการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจก็สูงกว่าประมาณการ
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า กรณีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานนโยบายเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนของ
ประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ รอบครึ่งปี ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้น ไม่ติดอยู่ใน Monitoring List ในรายงานฯ รอบนี้ โดยสถานการณ์นี้
ไม่กระทบต่อการค้าของไทยโดยตรง แต่การที่มีหลายประเทศในอาเซียนติดอยู่ในบัญชีที่ต้องจับตา เป็นสัญญาณว่าไทยก็มีความเสี่ยงที่จะถูกจับ
ตาอย่างใกล้ชิดมากขึ้นในอนาคตจากการที่ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ใกล้เคียงกับเกณฑ์ที่ 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ
  • ผู้บริหารธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ออกโรงเตือนถึงการผ่อนปรนมาตรการกระตุ้นอย่างไม่ระมัดระวังเพียงที่จะกระตุ้น
ราคาให้ได้ตามเป้าหมาย และระบุว่าความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ของ BOJ นั้น ต้องสะดุดเพราะการดำเนินการของ
บริษัทต่างๆ เพื่อที่จะกระตุ้นความสามารถในการผลิต ในขณะที่บริษัทต่างๆ ต้องรับมือกับภาวะขาดแคลนแรงงานด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ
การผลิต และการลงทุนในระบบออโตเมชั่นมากกว่าที่จะขึ้นค่าแรง
  • สถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งเกาหลีใต้ (KERI) เปิดเผยผลสำรวจพบว่า การที่สกุลเงินวอนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์

สหรัฐนั้น มีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อการส่งออกและความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเกาหลีใต้ในวงที่จำกัด โดยหากเงินวอนอ่อนค่าลง

10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จะช่วยเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานเฉลี่ยได้เพียง 0.5% และช่วยเพิ่มการส่งออกได้เพียง 1%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ