(เพิ่มเติม2) "สมคิด"ไฟเขียวพาณิชย์ปรับลดเป้าส่งออกปี 62 เหลือโต 3% จากเดิม 8% หลังครึ่งปีแรกติดลบ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday May 31, 2019 15:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รับทราบว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ปรับลดเป้าหมายการส่งออกในปีนี้เหลือเติบโตเพียง 3% จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 8% เนื่องจากครึ่งปีแรกมีแนวโน้มติดลบ และพร้อมให้กำลังใจในการผลักดันการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย

"เขาตั้งเป้าของเขา.. เป็นสิ่งที่เขาประเมินแล้วก็ต้องให้กำลังใจเต็มที่"นายสมคิด กล่าวในการแถลงข่าวการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้แก่ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ

นายสมคิด กล่าวว่า ได้รับฟังการประเมินสถานการณ์ การเตรียมพร้อมของกระทรวงพาณิชย์ที่จะดูแลการค้าการขายของไทย สิ่งที่น่ายินดีคือทัศนคติของกระทรวงพาณิชย์เป็นบวก แม้ว่าการค้าของโลกจะหดตัวแต่ก็เปิดโอกาสให้กับสินค้าอีกหลายประเภทของไทยเปิดตลาดใหม่ๆที่แต่เดิมมาร์เก็ตแชร์อาจจะไม่สูงนัก โดยเฉพาะตลาดสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกาและอินเดีย ซึ่งแนวโน้มการขยายตัวยังมีโอกาสสูงมาก

"สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดใหญ่และเป็นตลาดสำคัญของสินค้าประเภทอาหาร อินเดียมีการเติบโตของเศรษฐกิจปีละ 7% และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อำนาจซื้อสูงมาก สงครามการค้าสหรัฐฯกับจีน เปิดโอกาสให้อินเดียได้รับอานิสงส์ เพราะฉะนั้นได้มุ่งหมายในการพยายามสร้างยอดส่งออกไป 2 ประเทศนี้ให้มาชดเชยการส่งออกที่ลดลงในอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ไอที คอมพิวเตอร์

นอกจากนี้ การพัฒนาในเรื่องของ e-Commerce สินค้าใหม่ๆ สร้างฐาน Local Economy ในประเทศให้แข็งแรงมีส่วนอย่างมากที่จะชดเชยการส่งออกไม่กี่ประเภทที่ได้รับผลกระทบ เพราะในอดีตเราเน้นสินค้าแค่ไม่กี่ตัว พอเกิดการกระทบก็กระทบกันหมดเลย อยากให้พยายามแก้ปัญหานี้ให้ได้"

นายสมคิด กล่าวว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่ต้องการย้ายฐานมาอาเซียนโดยเฉพาะไทยกับเวียดนาม ฉะนั้นทูตพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ต้องร่วมมือกันดึงนักลงทุนเหล่านี้มาไทย เพื่อจะสร้างอนาคตการส่งออกของไทยให้มากขึ้น

ส่วนเรื่องบุคคลที่จะมาเป็นรมว.พาณิชย์คนใหม่นั้น นายสมคิด กล่าวว่า เป็นเรื่องของนายกฯ คัดเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดอยู่แล้ว

ด้าน น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นำเสนอข้อมูลในการประชุมว่า กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าการส่งออกในช่วง 8 เดือนที่เหลือของปีนี้โตเฉลี่ยเดือนละ 5% หรือมีมูลค่าส่งออกเฉลี่ย 18,800 ล้านดอลลาร์ฯ เพื่อผลักดันให้การส่งออกทั้งปีโตได้ 3% หลังในช่วง 4 เดือนแรกของปี (ม.ค.-เม.ย.) ส่งออกไทยติดลบไปแล้ว 1.9%

สาเหตุที่ปรับลดเป้าหมายการส่งออกปีนี้ มาจากหลายปัจจัย อาทิ สงครามการค้าเป็นหลัก, ตลาดอียูยังมีปัญหาผลพวงของการที่อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) , ปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลาง และยังมีกรณีการแซงชั่นของสหรัฐฯกับประเทศต่างๆ และ ความไม่สงบในแอฟริกา

"การค้าโลกชะลอตัวลงถ้วนหน้า ประเทศอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งก็ประสบปัญหาเดียวกัน คิดว่าแต่ละประเทศจากนี้ก็คงจะส่งออกได้ไล่เลี่ยกัน...เฉลี่ย 5% และทั้งปี 3% เราดูทุกตลาด และแยกเป้ารายตลาดย่อยๆ"น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณามูลค่าการส่งออกเป็นรายเดือนก็ไม่ได้หดตัวตลอด เพราะมีส่วนที่เพิ่มบ้าง และมองว่าจากนี้ไปค่อนข้างจะไม่เลวร้ายเหมือน 4 เดือนแรก เนื่องจากตลาดหลักยังเป็นบวก โดยผลกระทบของสงครามการค้ากลับทำให้เราส่งออกไปสหรัฐฯได้มากขึ้น ขณะที่ตลาดรองอย่าง CLMV ยังดีอยู่ ส่วนตลาดใหม่ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง รัสเซียอาจจะยังไม่ดีในช่วงนี้

เมื่อมองมาที่ตัวสินค้า พบว่าในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเป็นบวกอยู่ ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมโดยรวมเป็นลบก็จริง แต่บางตัวก็ยังเป็นบวก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้ากับผลิตภัณฑ์ยางเมื่อได้คุยกับผู้ประกอบการทั้ง 2 กลุ่มซึ่งมั่นใจว่าใน 8 เดือนหลังจะทำได้ดีกว่านี้อีก

น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าวว่า จากการขยายฐานการผลิต การขยายตลาดจากผู้ส่งออกรายกลางและรายเล็ก และจากการที่ชี้เป้าที่ถูกต้องยิ่งขึ้นของทูตพาณิชย์และภาคเอกชน ทำให้มั่นใจว่าน่าจะมีโอกาสทำได้ตามเป้าแน่นอน

"จากสิ่งที่ประมวลมาข้างต้นและ 8 เดือนสุดท้ายเราจะใส่ความพยายามให้มากที่สุดเพื่อให้นำไปสู่เป้าหมายการส่งออกในช่วง 8 เดือนสุดท้ายโตเฉลี่ย 5% ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งปีโต 3%"น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าว

ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกปีนี้ไว้ที่ 8%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ