รมว.เกษตรฯ แจงรัฐบาลแก้ปัญหาราคาข้าว-ข้าวโพดดีขึ้น โดยไม่แทรกแซงราคาและไม่สร้างภาระงบประมาณ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 5, 2019 15:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในปี 2562 ราคาข้าวเปลือกขยับสูงขึ้น เช่น ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิเพิ่มขึ้นเป็นตันละ 16,000 บาท จากปี 2557 ราคาตันละ 12,781 บาท จากการที่รัฐบาลตั้งคณะทำงานวางแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจรขึ้นมา เพื่อกำหนดปริมาณการผลิตข้าวให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยกำกับดูแลการปลูกข้าวไม่ให้ผลผลิตล้นตลาด ปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้มีผลผลิตสูง พันธุ์ข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสำหรับผู้รักสุขภาพ เช่น พันธุ์ กข43 และพันธุ์ข้าวนุ่ม พันธุ์ กข79 ที่ตลาดต้องการ รวมทั้งแนะนำให้เกษตรกรเพาะปลูกข้าวในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมกับดินและน้ำ โดยใช้ Agri Map Application อีกทั้งจัดการระบายข้าวที่ค้างในสต๊อกให้หมดลง

สำหรับในปีการผลิต 2562/63 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังคงกำหนดปริมาณการผลิตในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยกำหนดเป้าหมายพื้นที่ส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวทั้งปี จำนวน 72.80 ล้านไร่ ผลผลิต 34.63 ล้านตันข้าวเปลือก ทั้งนี้ ยังสามารถปรับลดการผลิตข้าวในรอบที่ 2 ไปปลูกพืชอื่น โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้อีก หากสถานการณ์ราคาข้าวอ่อนตัวลง

ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ                           ปี 57          ปี 58          ปี 59          ปี 60          ปี 61          ปี62
                                                                                                                                          (ราคาปัจจุบัน)
ราคาบาท/ตัน                                     12,781       11,632        8,896       11,879       15,266         16,000


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (ความชื้น 14.5%)          ปี 57          ปี 58          ปี 59          ปี 60          ปี 61          ปี 62
                                                                                                                                           (ราคาปัจจุบัน)
ราคาบาท/กก.                                       7.13          7.76           7.01          6.10          7.97           8.00

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพื้นที่ปลูกข้าวได้เพิ่มขึ้นจากแรงจูงใจโครงการรับจำนำข้าวส่งผลให้ราคาข้าวตกต่ำ การปรับปริมาณข้าวให้เหมาะสมกับความต้องการ จึงเป็นแนวทางสำคัญตามแผนข้าวครบวงจร ดังนั้นเพื่อให้เกษตรกรมีทางเลือกที่ปรับเปลี่ยนอาชีพ รัฐบาลจึงมีโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูการทำนา เพื่อปรับสมดุลปริมาณพื้นที่ปลูกข้าวและสร้างรายได้ทดแทน โดยใช้หลักการตลาดนำการผลิต ซึ่งจะสามารถทดแทนการนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ โดยประสานผู้รับซื้อกำหนดแผนการผลิตและตลาด มีหลักประกันด้านราคารับซื้อ และประกันภัยพิบัติ ส่งผลให้เกษตรกรที่ร่วมโครงการฯ 82,316 ราย ในพื้นที่ปลูก 724,932 ไร่ มีรายได้สุทธิเฉลี่ย 2,000-3,000 บาท/ไร่ (ราคารับซื้อ 8 บาท/กิโลกรัม ตามราคาประกันของโครงการ) และผู้ผลิตอาหารสัตว์ได้รับข้าวโพดคุณภาพดีในการแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ต่อไป ทำให้เกษตรกรมีความมั่นคงด้านรายได้ นอกจากนั้น การปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์หลังการปลูกข้าวนาปี ประหยัดน้ำได้ถึง 700 ล้าน ลบ.ม. ต่อรอบการผลิต (4 เดือน) เนื่องจากข้าวโพดอาหารสัตว์ใช้น้ำน้อยกว่าการปลูกข้าวซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง

"การดำเนินการดังกล่าวเป็นโครงการแรกของประเทศที่ไม่ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อการแทรกแซงราคา และไม่สร้างภาระงบประมาณภาครัฐ" นายกฤษฎา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ