ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.22/24 แนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาค ตลาดเก็งเฟดลดดอกเบี้ย-รอความชัดเจนครม.ชุดใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 13, 2019 17:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.22/24 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.23/24 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ เป็นเพราะไม่มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินในระยะนี้ แต่ในระยะ สั้นเงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่า เช่นเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยเหตุผลหลักเป็นเพราะตลาดเชื่อ ว่า มีความเป็นไปได้มากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศของไทยเอง โดยเฉพาะหน้าตาของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.15 - 31.35 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.44/45 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.30 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1286/1291 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1295 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,674.14 จุด เพิ่มขึ้น 3.03 จุด (+0.18%) มูลค่าการซื้อขาย 55,325 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,890.79 ลบ.(SET+MAI)
  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics) คาดกำไรของธุรกิจส่งออกหดหายถึง 6.6 หมื่นล้านบาท ผลจากทิศ
ทางการแข็งค่าของเงินบาทจนถึงสิ้นปี 5% ซ้ำเติมจากแนวโน้มส่งออกที่ชะลอตัวลง แนะผู้ส่งออกใช้เครื่องมือจัดการความเสี่ยงด้านอัตรา
แลกเปลี่ยน
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.62 อยู่ที่ระดับ 95.9
ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 95.0 ในเดือนเม.ย.62 โดยเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในองค์ประกอบยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม
ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน พ.ค.62 ส่งออกได้
95,331 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 3.58% โดยส่งออกลดลงเกือบทุกตลาด ยกเว้นตลาดเอเชีย ตลาดตะวันออกกลาง ตลาด
ยุโรป และตลาดอเมริกาเหนือ มีมูลค่าการส่งออก 48,649.82 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 6.22%
  • ส.อ.ท.ระบุ ปีนี้โอกาสที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย (GDP) จะเติบโตได้ 3-4% คงเป็นไปได้ยาก เห็นได้
จาก 4 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) การส่งออกยังติดลบตามปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ การที่ GDP จะโตจากส่งออกคงเป็นไปได้
ยาก อีกทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณต้องใช้เวลาและการลงทุนภาครัฐยังมีความล่าช้า วอนรัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ หวัง H2/62 เป็น
บวกหลังฟอร์มครม. แนะวางตัวบุคคลตรงกับงาน
  • สื่อต่างประเทศ รายงานโดยอ้างความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ว่า ทางการจีนอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือปรับลดสัด
ส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ โดยมีเป้าหมายที่จะรับมือกับความเสี่ยงที่อาจฉุดรั้งให้เศรษฐกิจ
เผชิญภาวะขาลง
  • รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในวันนี้ว่า ผู้ควบคุมด้านกฎระเบียบของจีนควรจะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และรักษาสภาพ
คล่องที่เพียงพอในระบบการเงิน ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่า จีนจะเปิดเผยนโยบายเพิ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ เพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ท่าม
กลางแรงกดดันทางการค้าที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐ
  • คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ประกาศว่า จีนเตรียมเปิดตัวมาตรการใหม่ๆ
เพื่อเปิดกว้างตลาดทุน ซึ่งมาตรการดังกล่าว รวมถึงการแก้ไขข้อกำหนดในโครงการนักลงทุนสถาบันต่างชาติที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
(QFII) และโครงการนักลงทุนสถาบันต่างชาติที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการใช้สกุลเงินหยวน (RQFII) เพื่ออำนวยความสะดวก
ให้กับนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้าร่วมในตลาดทุน
  • อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น (IDC) เปิดเผยว่า การเติบโตด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนจะเป็นไปอย่างรวด

เร็ว เนื่องจากการอนุญาตให้มีการใช้งานเทคโนโลยี 5G ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการยกระดับในภาคอุตสาหกรรมของประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ