ผลการสำรวจของดัน แอนด์ แบรดสตรีท (Dun & Bradstreet : D&B) ระบุว่า บรรดาผู้บริหารบริษัทออสเตรเลียที่มีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลกำไรและยอดขายในช่วงไตรมาส 2 นั้น มีจำนวนที่ลดลง เนื่องจากผู้บริหารเหล่านี้มองว่าแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท D&B ผู้นำด้านการให้บริการข้อมูลทางธุรกิจระดับโลก ได้ทำการสำรวจผู้บริหาร 400 คนเมื่อเดือนที่ผ่านมา เพื่อสอบถามถึงการคาดการณ์ผลกำไรและยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 2 ซิ่งสิ้นสุด ณ เดือนมิ.ย. โดยผลการสำรวจก่อนหน้านี้ในเดือนธ.ค.เป็นการคาดการณ์ในช่วงไตรมาสแรก การคาดการณ์ผลกำไรลดลง 8 จุด แตะ 0 จุดเมื่อเดือนที่แล้ว โดย 33% ของผู้บริหารคาดว่า ตัวเลขกำไรจะขยายตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 2 และอีก 36% คาดว่า น่าจะมีกำไรลดลง ส่วนการคาดการณ์เรื่องยอดขายลดลง 4 จุด แตะ 14 จุด โดย 36% ของผู้บริหารคาดว่า ยอดขายจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ 22% คาดว่ายอดขายจะลดลง การคาดการณ์ด้านราคาขายเพิ่มขึ้น 6 จุด โดย 62% ของผู้บริหารคาดว่า ราคาขายจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสหน้า ขณะที่ 3% คาดว่าราคาขายจะลดลง ทั้งนี้ เกือบ 40% ของผู้บริหารมองว่าอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่มีอิทธิพลต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาสหน้า เพิ่มขึ้น 13% จากผลสำรวจก่อนหน้านี้ ความวิตกกังวลเรื่องราคาเชื้อเพลิงพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดย 31% ของผู้บริหารมองว่าต้นทุนเชื้อเพลิงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินงาน เมื่อเทียบกับระดับ 27% ในเดือนธ.ค. โดยราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ได้ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อบรรดาธุรกิจ 78 แห่ง เพิ่มขึ้น 15% จากระดับในเดือนธ.ค. ความวิตกกังวลเกี่ยวกับตลาดสินเชื่อยังคงอยู่ในระดับสูง โดย 60% ของผู้บริหารคาดการณ์ว่า สภาวะตลาดตึงตัวจะส่งผลกระทบในแง่ลบต่อการดำเนินงานของบริษัท เมื่อเปรีบยเทียบกับระดับ 63% ในเดือนธ.ค. ธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน