นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ Line ประเทศไทย เปิดเผยว่า LINE ได้รวบรวมผลกระทบจากผู้ใช้งาน LINE Official Account (OA)จากการคิดอัตราค่าบริการใหม่มาตั้งแต่เดือน เม.ย. 62 ที่ผ่านมา เพื่อให้การคิดอัตราค่าบริการเหมาะสมกับตลาดของประเทศไทย
ทั้งนี้ LINE ประกาศปรับราคาใหม่สำหรับผู้ใช้งาน LINE Official Account จากเดิมที่มีการปรับแพ็คเก็จสำหรับเอสเอ็มอีคิดอัตราใหม่ที่ 20 สตางค์/ข้อความ มาเป็นแพ็คเกจ Basic คิดค่าบริการต่อเดือน 1,200 บาท ส่งข้อความได้ 1.5 หมื่นข้อความ หรืออัตราค่าบริการ 8 สตางค์/ข้อความเท่านั้น ส่วนแพ็คเกจโปร หรือลูกค้าคอร์ปอเรท คิดอัตราต่อเดือน 1,500 บาท ส่งได้ 3.5 หมื่นข้อความ หรืออัตราค่าบริการ 4 สตางค์/ข้อความ ลดลงจากเดิมที่คิดค่าบริการ 10 สตางค์/ข้อความ
และสำหรับลูกค้าองค์กรที่มี account เกิน 1 ล้านคนขึ้นไป จะได้รับการคิดค่าบริการแค่ 1 สตางค์/ข้อความเท่านั้น ซึ่งการคิดค่าบริการอัตราใหม่จะเริ่มเดือน ส.ค. 62 นี้ นอกจากนี้ยังจะให้ฟรีข้อความสำหรับผู้เริ่มต้น คือจากเดิม 500 ข้อความ เป็น 1,000 ข้อความ
"การปรับราคา เราดูจากข้อมูลโดยเฉลี่ยของ LINE Official Account คนที่ต้องการส่งถี่ๆ เขาก็อยากลดลง ซึ่งเดิมเราให้เท่าไรก็ได้ Unlimited พอเรา redesign ก็คิดเป็น ข้อความ ส่งเท่าไรก็คิดเท่านั้น ก็ส่งผลกระทบต่อลูกค้ารายใหญ่ ราคาที่ปรับใหม่เป็นราคาที่เราคิดว่าสมเหตุสมผล"ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน LINE Official Account สูงถึง 3 ล้านราย โดยมี 1.3 ล้านรายอยู่ในกลุ่มรีเทล และ 1.8 แสนรายอยู่ในกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร
นายนรสิทธ์ กล่าวว่า LINE ยังได้เปิดแพ็คเกจ LINE IDOL เป็นช่องทางสื่อสารกับศิลปิน ดารา คนดัง และบล็อกเกอร์ รวมทั้งเพิ่มหมวดหมู่สื่อสารมวลชน และ sports ซึ่งจะมีการคิดค่าบริการในอัตราที่แยกจากลูกค้าคอร์ปอเรท เพื่อให้ข่าวสารเข้าไปถึงสาธารณชน
นางสาวอึนจอง ลี รองประธานาอาวุโสฝ่ายบริหารธุรกิจระดับโลก LINE คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า LINE ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ "Life on LINE" ที่จะเป็น "โครงสร้างพื้นฐานชีวิต" สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของทุกคน" โดยแนวคิดของ Life on LINE จะครอบคลุมถึงการให้บริการที่ทุกคนต้องการในชีวิตประจำวันตั้งแต่การตื่นนอนตอนเช้า การอ่านข่าวผ่าน LINE หรือการจองร้านทำผมผ่าน LINE Official Account ระหว่างการเดินทางไปทำงาน หรือการจ่ายค่าโดยสารรถประจำทาง รถไฟฟ้าผ่าน Rabbit Line Pay ซึ่งแพลตฟอร์มทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้นและสะดวกมากยิ่งขึ้น
โดยมี 3 กลยุทธ์สำคัญที่ตอบสนองความต้องการผู้ใช้งานได้มากขึ้น ได้แก่ 1)OMO (online-merge-offline การรวมกันของออนไลน์กับออฟไลน์) - คล้ายกับ O2O แต่เป็นการรวมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและสมบูรณ์ยิ่งขึ้นระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ และเพื่อให้ OMO เข้ามาช่วยธุรกิจไทยได้อย่างแท้จริง LINE จึงได้เปิดตัว LINE Mini App ระบบที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและใช้บริการเต็มรูปแบบจากแบรนด์หรือธุรกิจต่างๆ ผ่าน LINE ได้ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องออกจาก LINE และแบรนด์เองก็ยังคงรูปแบบบริการของตนเองได้ตามที่ต้องการ
2) Fintech ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด ควบคู่กับการนำเสนอนวัตกรรมทางการธนาคาร ซึ่งที่ผ่านมา LINE ได้ดำเนินธุรกิจ Rabbit LINE Pay และได้ร่วมมือกับ KBANK เพื่อปฏิวัติการบริการทางการเงิน ภายใต้องค์กรความร่วมมือใหม่ในนาม KASIKORN LINE
Fintech ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ LINE ให้ความสนใจไม่ใช่แค่ในประเทศไทยแต่ยังรวมไปถึงในประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินโดนีเซีย ซึ่งสำหรับรูปแบบการให้บริการ Fintech จาก LINE ได้วางแผนที่จะขยายบริการไปสู่บริการทางบัญชีและเงินกู้ รวมถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะท้าทายแพลตฟอร์มการเงินแบบที่เคยมีมา
และ 3) AI - LINE จะยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีด้าน AI ขั้นสูงเพื่อนำไปใช้ในการบริการที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น การนำ AI มาช่วยในฟีเจอร์สำหรับการแนะนำบริการแบบเฉพาะบุคคลในการค้นหาการใช้บริการ LINE TV, Sticker Shop, โฆษณา และอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด Smart Channel ที่เรียนรู้จากพฤติกรรมความสนใจของผู้ใช้ไปสู่การนำเสนอข้อมูลที่ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Optical Character Recognition (OCR) ซึ่งจะช่วยในการค้นหาตัวอักษรหรือข้อความที่อยู่ในภาพถ่ายและสามารถระบุประเภทของตัวอักษรได้ ซึ่งสามารถนำไปใช้ร่วมกับการแปลภาษาต่างประเทศได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันคนไทยนิยมใช้บริการ OCR ใน LINE เป็นอย่างมาก
"ฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ของ LINE ที่เราเรียนรู้และทำการวิเคราะห์จากพฤติกรรมของผู้ใช้งานแบบเฉพาะตัวที่มีความแตกต่างกัน เพื่อตอบสนองความต้องการให้ตรงตามความต้องการของแต่ละบุคคลมากขึ้น"ล่าสุด LINE เพิ่งเปิดตัว ‘Smart Channel’ ซึ่งเป็นพื้นที่โฆษณาที่อยู่ด้านบนของหน้า Chat List เพื่อให้นักการตลาดสามารถส่งข้อความโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายในเวลาที่เหมาะสม หรือผู้ใช้งานจะได้รับข้อความโฆษณาที่ตรงกับความสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิประจำวันในแต่ละโลเคชั่น ข่าวสำคัญ ข้อมูลที่น่าสนใจต่างๆ ตามความสนใจของผู้ใช้งาน LINE ทุกคน
สำหรับประเทศไทย LINE ได้ปรับกลยุทธ์ดังกล่าวให้เหมาะสมและตอบโจทย์คนไทยมากที่สุดผ่านการให้บริการและผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ ซึ่งนอกเหนือจากการมุ่งมั่นขยายการบริการสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด คือ การสร้างแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ใช้งานทุกคน ควบคู่กับความสะดวกสบายในการใช้งาน
ทั้งนี้ กว่า 6 ปีที่ LINE ได้เข้ามาในตลาดประเทศไทย LINE ถือเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยปัจจุบัน LINE มีผู้ใช้งานกว่า 44 ล้านคน หรือประมาณ 78% ของจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตผ่านมือถือทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบัน นอกเหนือจากการเป็นแอปพลิเคชั่นการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแล้ว แพลตฟอร์มนี้ยังมีบริการที่ครอบคลุมและครบวงจร อาทิ LINE PLAY, LINE TODAY, LINE MAN, LINE JOBS รวมถึงบริการยอดนิยม อาทิ LINE Stickers, Rabbit LINE Pay และ LINE Biz-Solution
นายพิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) LINE ประเทศไทย ได้เปิดเผยถึงผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ใหม่ที่จะมีการเปิดตัวภายในปี 62 นี้ ได้แก่ LINE Shopping บริการรูปแบบใหม่ในการรวมแหล่งออนไลน์ช้อปปิ้งไว้ในที่เดียว เพื่อแก้ pain point ของลูกค้าในการตามหาข้อมูลที่มีมากจนเกินไป และช่วยให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยฟีเจอร์สำคัญมากมาย อาทิ โปรโมชั่น, คะแนนสะสม, การตั้งรายการสินค้าที่ต้องการซื้อ (wish list), การแจ้งเตือนเมื่อสินค้านั้นๆ ราคาลดลง และฟีเจอร์อื่นๆ ที่จะตามมาอีกมากมายในอนาคต
LINE MAN ได้ชื่อว่าเป็นผู้ช่วยอันดับหนึ่งของคนกรุงเทพฯ ได้ประกาศแผนการรุกขยายการบริการให้ครอบคลุมพื้นที่หัวเมืองใหญ่ของประเทศไทยภายในปี 63 ซึ่ง LINE MAN เป็นพันธมิตรกับยักษ์ใหญ่อย่าง Wongnai และ Lalamove เพื่อที่จะพัฒนาการบริการที่ดียิ่งขึ้น และบริการดังกล่าวยังได้เปิดตัวโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการใช้พลาสติกอีกด้วย
ในการเติบโตของ LINE MAN มีปัจจัยสำคัญจากการมีพันธมิตรที่เป็นผู้นำอย่าง Wongnai ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจที่มีร้านอาหารในเครือข่ายรวมกว่า 50,000 ร้าน ซึ่งส่งผลให้ LINE MAN เป็นแอปพลิเคชั่นเดียวที่ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดในกรุงเทพ รวมถึงอีกพันธมิตรสำคัญคือผู้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำอย่าง lalamove ที่ได้มีการเพิ่มจำนวนยานพาหนะในการให้บริการสูงถึง50% ในแต่ละปี
LINE MAN Grocery จะเป็นบริการใหม่ที่จะเป็นคำตอบของผู้คนในยุคสมัยปัจจุบันที่ทุกคนจะสามารถซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อเป้าหมายในการประหยัดเวลาที่ต้องเสียไปกับการเดินทาง
และ LINE MELODY ย้อนกลับไปในยุค 90 เสียงรอสายได้รับความนิยมมาก ซึ่งปัจจุบันนี้ LINE Call ถืออีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผู้ใช้นิยมใช้งานอย่างมากซึ่งด้วยฟีเจอร์นี้ผู้ใช้งานจะสามารถนำเอาเพลงยอดนิยมมาใช้เป็นเมโลดี้หรือริงค์โทนได้ ซึ่งวันนี้เราพบว่าผู้ใช้ LINE นิยมใช้ LINE Call ทดแทนการกดเบอร์โทรศัพท์โทรหากันแบบเดิมๆ ซึ่งสำหรับพันธมิตรด้านเพลงนั้นจะมีการเปิดเผยอีกครั้งในเร็วๆ นี้
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า แม้ LINE จะเปิดดำเนินการมากว่า 6 ปีแล้ว แต่ปัจจุบันผลประกอบการยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน และมองว่าวันนี้ยังไม่ใช้เวลาเหมาะสมที่จะเน้นทำรายได้ แต่ขณะนี้เรากำลังมุ่งเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และขยายฐานผู้ใช้