รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ทางกระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 3.16 แสนล้านบาท ซึ่งผ่านการพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) มาแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.55% เพื่อรักษาระดับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศทั้งปีไม่ให้ต่ำกว่า 3%
สำหรับมาตรการที่ผ่านการพิจารณาของ ครม.เศรษฐกิจ แบ่งเป็น 3 ด้าน คือ
1.มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง โดยจัดสินเชื่อฉุกเฉิน 50,000 บาท/คน ปลอดดอกเบี้ยปีแรก ปีต่อปี MRR 7%, สินเชื่อฟื้นฟูความเสียหายจากภัยแล้ง 500,000 บาท/คน ดอกเบี้ย MRR -2%, ขยายระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ สนับสนุนต้นทุนการผลิตข้าวปีการผลิต 62/63 ที่ 500-800 บาท/ไร่ ไม่เกิน 20 ไร่
2.มาตรการกระตุ้นการลงทุนและการบริโภคในประเทศ โดยสนับสนุนท่องเที่ยว "ชิม ช๊อป ใช้" ข้ามจังหวัด โดยให้ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชันของธนาคารกรุงไทย วางเป้าหมาย 10 ล้านคน ประชาชนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินสำหรับท่องเที่ยวผ่านอีวอลเลท 1,000 บาท/คน และมาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายซื้อสินค้าท้องถิ่น รับประทานอาหาร พักโรงแรม ต่าง ๆ รวมกันไม่เกิน 3 หมื่นบาท จะได้รับเงินคืน 15% เป็นต้น มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากต่างประเทศไทย ยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่านักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย
มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ให้หักค่าใช้จ่ายการซื้อเครื่องจักรจากการลงทุนหักภาษี 1.5 เท่า ภายใน 5 ปี และให้สินเชื่อผ่อนปรนกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ระยะเวลากู้ 7 ปี ขณะเดียวกัน สถาบันการเงินรัฐ ให้เร่งปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอี ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน รวม 1 แสนล้านบาท และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยสินเชื่อบ้าน 52,000 ล้านบาท และให้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ลดค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อให้เอสเอ็มอีในช่วง 2 ปีแรก
3.มาตรการดูแลค่าครองชีพผ่านกลไกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วง 2 เดือน (ส.ค.-ก.ย.) เพิ่มเงินผู้ถือบัตรเป็น 500 บาท/คน/เดือน, เพิ่มเงินผู้สูงอายุอีก 500 บาท/คน/เดือน และให้เงินดูแลเด็กแรกเกิดเพิ่ม 300 บาท/คน/เดือน
และพักชำระหนี้เงินต้นของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (กทบ.) ที่จ่ายคืนผ่าน ธ.ก.ส.และออมสิน 1 ปี (ต.ค. 62-ก.ย. 63) เพื่อให้ กทบ.มีงบประมาณปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น ซึ่ง กทบ. 50,732 แห่งมียอดหนี้คงค้างที่กู้จาก ธ.ก.ส.และออมสิน 67,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีวาระการประชุมอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง พ.ศ.2562, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอขอความเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตชอลนักเรียนอายุไม่เกิน 18ปี ชิงชนะเลิศแห่งเอเชียครั้งที่ 1 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงเทพมหานคร ในปี 2562
กระทรวงแรงงาน เสนอแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าวปี 2562-2563, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขออนุมัติงบประมาณงินอุดหนุนให้แก่เกษตกรเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ปี 2561 พร้อมกันนี้จะมีการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการการเมืองเพิ่มเติม เช่น น.ส.รัชดา ธนาดิเรก และ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล ให้ดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี