พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยนายมุน แช อิน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี เป็นประธานร่วมและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา Thailand-Korea Business Forum จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และหอการค้าและอุตสาหกรรมสาธารณรัฐเกาหลี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีที่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีได้นำนักธุรกิจชั้นนำกว่า 100 บริษัทร่วมคณะมาด้วย แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนจากสาธารณรัฐเกาหลีให้ความสำคัญกับการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจและการลงทุนกับไทย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวชื่นชมนโยบายมุ่งใต้ใหม่ (New Southern Policy-NSP) ของประธานาธิบดีเกาหลี ที่มุ่งขยายความร่วมมือด้านต่างๆ มาสู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งไทยในฐานะสมาชิกอาเซียนและประธานอาเซียนในปีนี้ เห็นว่า นโยบายดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาคในการสร้างประโยชน์ร่วมกันในอนาคต โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของสาธารณรัฐเกาหลี โดยเฉพาะในด้านการค้า และการลงทุน ด้วยความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม นักลงทุนเกาหลีจึงเป็นหนึ่งในนักลงทุนต่างชาติที่สำคัญ และเป็นประเทศเป้าหมายในการสร้างความร่วมมือกับไทยมาโดยตลอด
พร้อมกันนี้ ขอชื่นชมเกาหลีใต้ที่สามารถพัฒนาแระเทศได้อย่างรวดเร็วภายใน 60 ปี ซึ่งเชื่อว่ามาจากความรักชาติ และความมีจิตสำนึก ที่ได้แสดงออกผ่านทุกด้าน จนกลายเป็นจุดแข็งที่ทุกประเทศน่าจะนำไปเป็นแบบอย่าง ซึ่งหากทำได้ก็จะทำให้คนในประเทศไม่เกิดความขัดแย้ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภูมิภาคอาเซียนมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม CLMVT ทั้งในด้านความเชื่อมโยง การเป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งไทยมีทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางอนุภูมิภาคนี้ สามารถทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง ฐานการลงทุนได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียินดีที่เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา สาธารณรัฐเกาหลีได้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างกัน
นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปฏิรูปเศรษฐกิจตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม โดยพัฒนาโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อเป็นฐานการลงทุนที่พร้อมสรรพในทุกด้าน รวมทั้งเร่งเดินหน้าพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และทักษะแรงงาน รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมในอนาคต รวมถึงการลงทุนจากเกาหลีที่จะมาตั้งฐานธุรกิจในไทย ภายใต้นโยบาย NSP
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งสองประเทศตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจระหว่างกันจำนวน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2563 ซึ่งยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่ต้องทำให้ได้ และต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งไทยมีความโดดเด่นด้านเกษตรกรรม ส่วนเกาหลีใต้โดดเด่นเรื่องเทคโนโลยี จึงจำเป็นต้องช่วยเหลือกันเพื่อเพิ่มปริมาณการค้าการลงทุน พร้อมกันนี้ ได้กล่าวเชิญชวนนักลงทุนเกาหลีใต้ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ในปีนี้ รัฐบาลไทย ได้ประกาศให้เป็นปีแห่งการลงทุน โดยมีสิทธิพิเศษต่างๆให้นักลงทุนด้วย