รมว.-รมช.คลัง มอบนโยบายกรมศุลกากร กำชับกวดขันสินค้าหนีภาษี-สินค้าออนไลน์ อุดรอยรั่วภาษี

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 5, 2019 16:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กรมศุลกากรว่า ได้สั่งการให้กรมศุลกากรเร่งเชื่อมต่อระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลการนำเข้าส่งออกสินค้าในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ National Single Window ทั้ง 37 หน่วยงานในประเทศ และ 10 ชาติสมาชิกอาเซียนให้แล้วเสร็จในสิ้นปีนี้ รวมถึงให้มีการใช้เทคโนโลยีการตรวจสินค้านำเข้าให้เข้มข้นมากขึ้น เช่น เครื่องเอ็กซเรย์ เพื่อป้องกันการลับลอบการนำเข้าสินค้าที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะสินค้าเกษตร อาทิ หัวหอม กระเทียม ข้าวเหนียว และน้ำมันปาล์ม รวมถึงสินค้าที่นำเข้ามาเพื่อจำหน่ายทางช่องทางออนไลน์ด้วย

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมศุลกากรเร่งตรวจสอบร้านจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) ที่ปัจจุบันมีจำหน่ายในหลายพื้นที่ เพื่อป้องกันการรั่วไหลในการจัดเก็บภาษีจากสินค้าดังกล่าว โดยให้เข้าไปดูระบบและเชื่อมโยงข้อมูลการจำหน่ายสินค้า เพื่อควบคุมและดูสต็อกสินค้าว่าสมดุลกันหรือไม่ เพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษีได้เต็มประสิทธิภาพ โดยกรมศุลกากรจะต้องตรวจสอบการจำหน่ายและการนำเข้าให้ละเอียดและเข้มข้นมากขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการดูแลสูงสุด

"ปัจจุบันประเทศไทยมีร้านค้าปลอดภาษีทั้งในสนามบินและในตัวเมือง ซึ่งข้อดีก็คือเป็นการช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว แต่ปัญหาการลักลอบก็มีอยู่ ซึ่งกรมศุลกากรก็ต้องตรวจดูป้องกันการรั่วไหลด้วย ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้กรมศุลกากรเร่งติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์คร่อมสายพานที่สนามบินสุวรรณภูมิให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าออนไลน์ที่นำเข้ามาในไทย รวมถึงการลับลอบขนสินค้าเกษตรเข้ามาจำหน่ายต่อในประเทศด้วย" นายสันติ กล่าว

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ขณะนี้กรมศุลกากรได้มีการตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าร้านค้าปลอดภาษีอยู่แล้ว หากผู้ซื้อนำไปใช้ยังต่างประเทศก็ห้ามนำเข้ามาใช้ในไทย ขณะเดียวกันกำลังเร่งเปิดการใช้งานเครื่องเอ็กซเรย์คร่อมสายพานลำเลียงกระเป๋าเดินทางที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 23 เครื่องให้เสร็จและเริ่มใช้ได้วันที่ 1 ม.ค.63 โดยเครื่องดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสแกนกระเป๋าเดินทางที่โหลดมาใต้ท้องเครื่องบินได้ทุกใบ เพื่อดูว่ามีสินค้าต้องห้ามการนำเข้าตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ยาเสพติด รวมถึงสินค้าแบรนด์เนมที่มีราคาสูงและเข้าข่ายต้องเสียภาษีด้วย

ส่วนความคืบหน้าการทำ National Single Window ในส่วนของระบบภายในประเทศได้ดำเนินการเชื่อมโยงได้แล้ว 90% จาก 37 หน่วยงาน เหลือเพียงสินค้า 10% ของ 6 หน่วยงาน ที่รอการเชื่อมโยงระบบอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรที่อยู่ในการควบคุมราคาของกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่การเชื่อมโยงระบบกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น ขณะนี้กำลังทดสอบระบบกับฟิลิปปินส์และเมียนมาอยู่ ขณะที่ลาวจะมีการพัฒนาระบบเพื่อเชื่อมต่อระบบได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งหากทำเสร็จจะช่วยอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้านำเข้าส่งออกได้เป็นอย่างมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ