(เพิ่มเติม) รมว.ท่องเที่ยวฯ เผยปี 63 ชูนโยบาย"1 เมืองหลัก เที่ยวได้ 1-3 เมืองรอง"กระตุ้นท่องเที่ยวชุมชน คาดเสนอ.ครม.เศรษฐกิจปีนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 26, 2019 14:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ภายในปี 63 มีแผนจะรุกหนักการท่องเที่ยวชุมชนด้วยนโยบาย "1 เมืองหลัก เที่ยวได้ 1-3 เมืองรอง" พร้อมเดินหน้าทำโครงการใน 77 จังหวัด โดยใช้งบประมาณของกระทรวงฯ ซึ่งคาดเสนอที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ได้ภายในปีนี้ เพื่อนำรายได้เข้าประเทศ ทั้งรายได้จากการท่องเที่ยวหรือการกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว

"ปีหน้าจะรุกหนัก 1 เมืองหลักพ่วงได้ 1-3 เมืองรอง เที่ยวเป็นกลุ่มจังหวัด โดยชูเรื่องเรื่องวัฒนธรรมประเพณีหรืออะไรที่เป็นจุดเด่น เราต้องสร้างสตอรี่ ซึ่งพวกเราต้องร่วมกันคิด ทุกคนมีเครื่องมือ มีบุคลากรที่มีความสามารถ โดยเรื่องนี้กระทรวงฯสามารถดำเนินการได้เลยภายใต้งบประมาณที่กระทรวงฯมีอยู่" นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จะนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ เพื่อเป็นการรายงานให้นายกรัฐมนตรี รับทราบว่าจะมีโครงการทำอะไรในปีหน้า ซึ่ง ครม.เศรษฐกิจคราวที่จะถึงนี้ไม่ทัน เพราะต้องใช้เวลาศึกษา แต่ภายในปีนี้จะนำเรื่องทั้งหมดเข้า

ส่วนมาตรการ"ชิมช้อปใช้" นายพิพัฒน์ กล่าวว่า พอใจกับกระแสตอบรับ โดยรายได้จากชิมช็อปใช้นี้จะอยู่ในเป้าหมายรายได้ทั้งปีคือ 3.3 ล้านล้านบาท จะพยายามดันยอดให้ได้ และกระทรวงการคลังต้องการ 1,000 บาทนี้เกิดการหมุนเวียนให้มากที่สุดเพื่อให้ภาวะเศรษฐกิจของเราจะได้ขับเคลื่อนได้ ทุกภาคส่วนต้องได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ในเมื่อเที่ยวในเมืองไทย ส่วนจะมีการขยายจำนวนเพิ่มเติมจาก 10 ล้านคนหรือไม่ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องงบประมาณของกระทรวงการคลัง

"กระทรวงท่องเที่ยวฯ มีหน้าที่แค่ทำการประชาสัมพันธ์ ซึ่งถ้าสื่อมวลชนนำเสนอประเด็นนี้กันขึ้นมาก็พร้อมจะเอาสิ่งเหล่านี้ไปหารือกับกระทรวงการคลัง หารือท่านนายกฯ ว่ามีความต้องการเพิ่มขึ้น อาจจะให้ช่วยขยายเวลา ขยายจำนวน...ต้องไปหารือกันก่อน ถ้านายกฯเห็นว่าสภาพคล่องดีขึ้น การหมุนเวียนได้ตรงตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ รัฐบาลอาจจะปล่อยเพิ่มขึ้นก็ได้ อาจจะคุยกันในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจและต้องรอให้นายกฯกลับจากสหรัฐอเมริกาก่อน" นายพิพัฒน์ กล่าว

ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เงินที่ประชาชนได้รับจะไปกระจุกอยู่แค่กลุ่มทุนใหญ่นั้น รมว.ท่องเที่ยว กล่าวยืนยันว่า ทุกภาคส่วนจะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ ไม่ว่า ชุมชน เกษตรกร โฮมสเตย์

"ยืนยันว่าคงไม่ได้กระจุกอยู่ที่ใดที่หนึ่งสำหรับคราวนี้ ลงถึง OTOP โฮมสเตย์ ซึ่งคุยกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรมการท่องเที่ยว กับ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท.เพื่อพัฒนาชุมชนให้มีโฮมสเตย์เพิ่มขึ้นให้เร็วที่สุด...ซึ่งผมตั้งเป้าว่าปีนี้ต้องได้ 600 แห่ง ปีหน้าให้ได้ 1,500 แห่ง"

สำหรับกรณีปิดผับตี 4 รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า ได้ดำเนินการนำร่องแล้วใน 2 จังหวัด คือ ชลบุรี ในโซนที่เป็น Walking Street ของพัทยาทั้งหมด และบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร เช่น ข้าวสาร และทางกระทรวงฯ กำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวใช้บริการเป็นจำนวนมากจริงๆ

รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวต่อถึงแผนรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันหยุดประจำชาติจีน หรือ Golden Week โดยเฉพาะการรองรับนักท่องเที่ยวที่สนามบิน ซึ่งจากที่ได้หารือกับ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) จะลดระยะเวลาในขั้นตอนการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองให้รวดเร็วขึ้น

ส่วนสถานการณ์"โทมัส คุก" ซึ่งเป็นบริษัททัวร์จากประเทศอังกฤษเผชิญภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ไร้สภาพคล่อง จนต้องปิดตัวลงไป ได้มีการหารือกับททท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบว่ามีนักท่องเที่ยวตกค้าง จำนวน 2,000 คน แต่เนื่องจากส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีฐานะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เมื่อเกิดสถานการณ์ แต่กระทรวงฯก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยประสานงาน เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ เพิ่มเติมแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ