ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.22/24 ทรงตัวจากช่วงเช้า ยังเกาะติดความชัดเจนการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 25, 2019 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.22/24 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.21/22 บาท/ดอลลาร์

วันนี้การเคลื่อนไหวของเงินบาทตลอดทั้งวันค่อนข้างนิ่งๆ เพราะตลาดยังรอดูความชัดเจนของการเจรจาที่จะเกิดขึ้นก่อนช่วง วันหยุดขอบคุณพระเจ้า ระหว่างเจ้าหน้าที่ของสหรัฐกับจีนในประเด็นมาตรการกีดกันทางการค้า ในขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะ ด้านการเมืองแทบไม่มีผลต่อทิศทางค่าเงินบาทในช่วงนี้แต่อย่างใด

"วันนี้บาทค่อนข้างนิ่งๆ ตลาดยังรอดูการเจรจาระหว่างสหรัฐกับจีนที่จะมีขึ้นในช่วงก่อนวันหยุดขอบคุณพระเจ้า ส่วนปัจจัยการ เมืองในประเทศ แทบจะไม่มีผลอะไรกับค่าเงินเลย" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.15-30.30 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.84/84 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.75/78 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1012/1014 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1022/1026 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,614.80 จุด เพิ่มขึ้น 17.08 จุด (+1.07%) มูลค่าการซื้อขาย 47,420 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,515.00 ลบ.(SET+MAI)
  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวใน
กรอบ 30.15-30.35 บาทต่อดอลลาร์ โดยตลาดจะยังคงให้ความสนใจกับประเด็นทางการค้าของสหรัฐฯ กับจีน ท่ามกลางความตึงเครียด
ในฮ่องกง นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาสุนทรพจน์ของประธานเฟด, ตัวเลข GDP และการใช้จ่ายส่วนบุคคลของสหรัฐฯ ก่อนที่การซื้อขายใน
ตลาดการเงินจะเบาบางลงช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าท้ายสัปดาห์
  • รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้พิจารณาชุดมาตรการกระตุ้น
เศรษฐกิจเพิ่มเติม ประกอบด้วย มาตรการ 3 ด้าน โดยเป็นมาตรการที่ต่อเนื่องกับชุดกระตุ้นมาตรการกระตุ้นที่ออกไปก่อนหน้านี้ เพื่อดูแล
ให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การทำงานของรัฐบาลยังเดินหน้าไปด้วยกัน เพียงแต่แต่ละกระทรวง
จะต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจในส่วนที่รับผิดชอบ ซึ่งกระทรวงการคลังคงไม่ได้ไปทำในเรื่องการส่งออก เพราะไม่ใช่หน้าที่โดยตรง แต่อย่าง
ไรก็ดี ที่ผ่านมาก็ได้มีการหารือกันตลอดเวลากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเห็นว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้มีความเกี่ยว
ข้องกับหลายส่วน ทั้งเรื่องการส่งออก, ค่าครองชีพ, การเบิกจ่ายของภาครัฐ และการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น
จำเป็นที่เครื่องยนต์เหล่านี้ต้องเดินไปข้างหน้าทุกตัว
  • กระทรวงการคลัง คาดว่าจะสามารถสรุปรายละเอียดการจัดตั้งกองทุนที่จะมาทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)
เพื่อเสนอให้ ครม.พิจารณาได้ทันก่อนสิ้นปีนี้ โดยขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.),กรมสรรพากร, สำนักงานคณะกรรมการกำกับ
หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อยู่ระหว่างการสรุปรายละเอียดการจัดตั้งกองทุน
ดังกล่าว
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงทิศทางและแผนยุทธศาสตร์ของ ธปท.ใน ปี 63-65 ว่า ในระยะ 3
ปีข้างหน้าจากนี้ไป ธปท.จะต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ เพราะเป็นช่วงของ "ธนาคารกลางท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง" หรือ
Central banking in a transformative world โดยมีพันธกิจหลัก คือ การมุ่งเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางการเงินที่มี
เสถียรภาพ และมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและทั่วถึง
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าสินเชื่อบางประเภท โดยเฉพาะสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล น่าจะยังขยายตัวสูงใน
ช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี และน่าจะมีภาคธุรกิจบางส่วนทยอยเบิกใช้สินเชื่อระยะสั้นเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน แต่เนื่องจากสินเชื่อในรอบ 10
เดือนที่ผ่านมาขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้มาก ประกอบกับภาพเศรษฐกิจในปีหน้ายังไม่มีปัจจัยสนับสนุนที่เด่นชัดนัก ทำให้คาดว่าความต้องการสิน
เชื่อของภาคธุรกิจและเอสเอ็มอีในปีนี้ จะขยายตัวในกรอบที่ต่ำกว่าที่คาด ซึ่งย่อมมีผลทำให้ภาพรวมสินเชื่อทั้งปี 2562 อาจขยายตัวได้ต่ำ
กว่าตัวเลขคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ 4.0% สอดคล้องกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปีนี้ที่ชะลอตัวลงจากปีก่อน
  • สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 3 ปี 2562 ระบุว่า ผู้มี
งานทำลดลง 2.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยภาคเกษตรมีการจ้างงานลดลง 1.8% เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นไตร
มาสที่ 3 จากปัญหาภัยธรรมชาติ และการจ้างงานภาคนอกเกษตรลดลง 2.3% ตามการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และการหดตัวของการส่ง
ออก
  • บิตคอยน์ดิ่งลงเกือบ 10% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ประมาณ 6,700 ดอลลาร์เมื่อเวลา 10.00 น. ตามเวลา
ไทย โดยปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ซึ่งดิ่งลงเช่นกัน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศกวาดล้างการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดย
เตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย และการออกสกุลเงินดังกล่าว
  • สำนักข่าวต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กระทรวงการคลังจีนเตรียมเปิดขายพันธบัตรรัฐบาลสกุลเงินดอลลาร์
โดยคาดว่า พันธบัตรจะอยู่ในวงเงิน 6 พันล้านดอลลาร์ และเป็นพันธบัตรอายุ 3, 5, 10 และ 20 ปี พันธบัตรเหล่านี้ คาดว่า จะเปิด
ขายอย่างเร็วที่สุดวันพรุ่งนี้
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่นในปี
2562 ลงเหลือ 0.8% จากระดับ 0.9% และยังได้ปรับลดคาดการณ์ของปี 2563 ลงเหลือ 0.5%

นอกจากนี้ IMF ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลและธนาคารกลางญี่ปุ่นร่วมมือในการสนับสนุนเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้ปรับ ลดคาดการณ์การขยายตัวเป็นครั้งที่ 3 แล้วในปีนี้

  • นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้จีนรักษาสถานภาพที่เปิดกว้างและอิสรภาพของฮ่องกง หลังจากที่ตำรวจเข้าปราบปราม

กลุ่มผู้เพื่อท้วงเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ