ภาวะตลาดเงินบาท: ปิดตลาด 30.29 ทรงตัวรอปัจจัยใหม่-ตัวเลข ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ มองกรอบวันศุกร์ 30.20-30.35

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 4, 2019 17:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 30.29 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวใน ระดับเดียวกับเปิดตลาดเมื่อเช้า ตลาดรอปัจจัยใหม่ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวตามแรงซื้อขายในกรอบ 30.27-30.31 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรณีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาขู่เกาหลีเหนือยังไม่ส่งผลกระทบในขณะนี้ แต่เพิ่มความตึงเครียดต่อตลาดการเงิน เพราะส่งสัญญาณที่ไม่ดี

"บาททรงตัว ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังแบงก์ชาติออกมาพูดถึงแนวโน้มค่าเงินบาทก็ไม่ส่งผลอะไร" นัก
บริหารการเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันศุกร์ไว้ระหว่าง 30.20-30.35 บาท/ดอลลาร์

"คืนนี้จะมีการประกาศตัวเลข ISM ภาคบริการของสหรัฐ แต่พรุ่งนี้ตลาดบ้านเราปิดทำการ" นักบริหารเงิน กล่าว
  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 108.72 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.53 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1070 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1079 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,565.45 จุด ลดลง 2.18 จุด,-0.14% มูลค่าการซื้อขาย 45,085.83 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,252.04 ล้านบาท (SET+MAI)
  • รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า แนวโน้ม
ตลาดได้เปลี่ยนไปจากเดิม คือ ค่าเงินของภูมิภาครวมถึงค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง นักลงทุนในตลาดโลกเลือกที่จะเปลี่ยน
มุมมองในการมองทิศทางของค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งรวมถึงค่าเงินบาทด้วย จึงเห็นว่าในช่วงหลังค่าเงินบาทค่อนข้างนิ่ง และจะ
มีทิศทางที่กลับทิศแล้ว ซึ่งไม่ได้มาจาก ธปท.เข้าไปแทรกแซง แต่เป็นการคาดการณ์ของตลาดเองที่มองว่าเงินบาทจะไม่แข็งค่าไป
มากกว่านี้
  • ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คาดทิศทางเศรษฐกิจในปี
63 น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้หลังจากชะลอตัวมากในปีนี้ เนื่องจากภาครัฐจะเริ่มเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ซึ่งจะทำให้มีการลงทุนใน
โครงการพื้นฐานขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น ขณะที่นักธุรกิจจะเริ่มลงทุนจริงหลังได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน ส่วนการค้าขายสินค้าในกลุ่ม
CLMV ยังพอไปได้โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่การท่องเที่ยวยังเติบโตได้ดีตามที่คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40
ล้านคน

สำหรับค่าเงินบาทหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% อยู่ที่ 1.25% เพื่อจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว และได้ปรับเกณฑ์ 4 มาตรการเพื่อลดแรงกดดันค่าเงินบาทนั้น กกร.เห็นว่า มาตรการต่างๆ ที่ออก มาอาจช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าในระยะสั้น จึงขอให้ ธปท.พิจารณามาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือ SMEs และหากยังปล่อยให้ค่า เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องจะส่งผลกระทบในระยะยาว

  • ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังขาดแรงหนุนให้ฟื้นตัวอย่าง
รวดเร็วเนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่มาก โดยเฉพาะจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ความไม่แน่นอนเรื่องสงครามการค้าระหว่าง
สหรัฐฯและจีน และการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย
นอกจากนี้ความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ยังมีผลต่อการลงทุนของภาครัฐ และเป็นข้อจำกัดหากรัฐบาลจะกระตุ้น
เศรษฐกิจเพิ่มเติม
  • รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยต่างชาติลงทุนจากการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตาม พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคน
ต่างด้าว พ.ศ.2542 ในช่วง 11 เดือนของปี 62 (ม.ค.-พ.ย.) มีมูลค่าทั้งสิ้น 22,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% เมื่อเปรียบเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในปีนี้มีคนต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจในโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ บริการขุดเจาะ
ปิโตรเลียม บริการออกแบบ ติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบ และบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้า บริการติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบระบบและให้
การสนับสนุนทางเทคนิคดาวเทียมสำรวจทรัพยากร เป็นต้น
  • อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยผลเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ตุรกี ครั้งที่ 6 คืบ
หน้า โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค้าการค้าระหว่างสองประเทศขยายตัวสู่ 2,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 63
  • คณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการต่างประเทศของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ซึ่งเป็นหน่วยงานฝ่ายนิติบัญญัติใน
ระดับสูงสุดของจีน ออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจและคัดค้านอย่างรุนแรงต่อการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านร่างกฎหมายคว่ำ
บาตรเจ้าหน้าที่จีนในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในมณฑลซินเจียง
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า สหรัฐอาจใช้ปฏิบัติการทางการทหารกับเกาหลีเหนือ
หากจำเป็น หลังจากเกาหลีเหนือออกมาเตือนว่าเส้นตายของการเจรจาต่อรองเพื่อยกเลิกการใช้อาวุธนิวเคลียร์ระหว่างสอง
ประเทศจะสิ้นสุดในปีนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ