กกร.แนะรัฐออกมาตรการเร่งด่วนป้องกันเก็งกำไรค่าบาทหลังยกเลิกมาตรการ 30%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 3, 2008 16:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เปิดเผยว่า กกร.จะประเมินผลอย่างใกล้ชิดทุกสัปดาห์หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เงินทุนนำเข้าระยะสั้น 
หากพบว่าค่าเงินบาทมีความผันผวนและแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว กกร.จะนัดประชุมด่วนเพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไข เนื่องจากเห็นว่ามาตรการรองรับที่ ธปท.นำออกมาใช้หลังจากยกเลิกมาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการระยะยาว แต่มาตรการระยะสั้นที่ใช้ป้องกันการเก็งกำไรนั้นยังไม่มีให้เห็น ดังนั้น จึงฝากให้รัฐบาลออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อดูแลผลกระทบค่าเงินบาทที่จะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 31.50 บาท/ดอลลาร์ จากก่อนหน้าอยู่ที่ประมาณ 33 บาท/ดอลลาร์ได้ส่งผลให้รายได้ของผู้ประกอบการส่งออกหายไป 5% ซึ่งหากเงินบาทยังแข็งค่าต่อไปอาจจะทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องลดกำลังการผลิตหรือถึงขั้นปิดกิจการ และส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในภาพรวมได้
ประธาน กกร.มองว่า มาตรการกันสำรอง 30% ยังถือว่าเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพและไม่ได้มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นแล้ว แต่การจะนำกลับมาใช้ใหม่หรือไม่ในอนาคตย่อมขึ้นกับรัฐบาล หรืออาจเป็นการออกมาตรการเสริม เพราะ กกร.มีความเป็นห่วงผู้ส่งออกที่เป็น SME ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศที่ผลิตเพื่อการส่งออกจะไม่สามารถแข่งขันได้กับผู้ประกอบการที่ใช้วัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศหากเงินบาทแข็งค่าเกินไป และอาจส่งผลให้บริษัทรายย่อยที่เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบในประเทศต้องปิดกิจการลง
ด้านนายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า รัฐบาลควรดูแลการแข็งค่าของเงินบาทให้สอดคล้องกับประเทศคู่แข่ง รวมถึงเข้ามาดูแลเรื่องการเก็งกำไรจากค่าเงินบาท เนื่องจากขณะนี้พบว่ามีบางส่วนเริ่มเข้ามาเก็งกำไรแล้วจากพันธบัตร และกองทุนอสังหาริมทรัพย์
ส่วนมาตรการที่ ธปท.ออกมานั้น มองว่าไม่ใช่มาตรการใหม่ และเป็นมาตรการในระยะยาวที่คงจะไม่สามารถเห็นผลได้มากในระยะอันใกล้นี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ