ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.13/14 แข็งค่าจากช่วงเช้าเล็กน้อยตามสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย คาดกรอบพรุ่งนี้ 30.05-30.25

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 6, 2020 17:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.13/14 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็ก น้อยจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.15/17 บาท/ดอลลาร์

วันนี้วอลุ่มยังเบาบาง คาดว่าเป็นเพราะมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ส่งผลให้ราคาทองคำ และ สกุลเงินที่มองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยแข็งค่าขึ้น เช่น เงินเยน ในขณะที่เงินบาทค่อยๆ แข็งค่าขึ้น แต่ไม่หวือหวามากเท่ากับเงินสกุลอื่น เนื่องจากวันนี้วอลุ่มในฝั่ง export ค่อนข้างจะเบาบาง

"จากความไม่แน่นอนระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ทำให้ทองคำราคาสูงขึ้น สกุลเงินที่ปลอดภัยแข็งค่าขึ้น บาทก็แข็งค่าแต่ไม่หวือ หวามากเท่ากับเยนญี่ปุ่น ตอนนี้ปัจจัยที่จะทำให้บาทแข็งมีมากกว่าปัจจัยที่จะทำให้บาทอ่อน" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.05 - 30.25 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.99 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 107.90/93 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1192 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1160/1165 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,568.50 จุด ลดลง 26.47 จุด (-1.66%) มูลค่าการซื้อขาย 71,209 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 916.94 ลบ.(SET+MAI)
  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดว่าเงินบาทในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00-
30.30 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดจับตาราคาน้ำมันและทองคำ ท่ามกลางความขัดแย้งในตะวันออกกลางซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังการ
โจมตีทางอากาศของสหรัฐในอิรัก นอกจากนี้ตลาดจะให้ความสนใจกับตัวเลขภาคบริการและการจ้างงานของสหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศ
ทางดอกเบี้ยในระยะถัดไป รวมทั้งรอความชัดเจนการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนด้วย
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน นอกจากจะทำให้ระดับราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นใน
ระยะต่อไปแล้ว ยังมีน้ำหนักมากพอที่จะมีผลต่อทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงไทยให้เผชิญข้อจำกัด
มากขึ้น ดังนั้น บทบาทหลักในการประคองภาวะเศรษฐกิจในจังหวะที่เผชิญโจทย์ท้าทายรอบด้านจะอยู่ที่การดำเนินนโยบายการคลังเป็นหลัก
  • รมว.คลัง ยืนยันว่าจะไม่มีการออก พ.ร.ก.เลื่อนการใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแน่นอน พร้อมเดินหน้าบังคับใช้กฎหมาย
ตามเดิมต่อไป แม้ฝ่ายค้านเสนอให้ออก พ.ร.ก.เพื่อชะลอการใช้ไปก่อน โดยที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้ประสานการทำงานกับกระทรวง
มหาดไทยอย่างใกล้ชิด และได้มีการปรับปรุงการทำงานในเชิงปฏิบัติให้เกิดความเหมาะสมมากที่สุด
  • บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ประเมินว่า ราคาทองคำในปีนี้ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขา
ขึ้น โดยมีโอกาสที่ราคาทองคำจะขยับขึ้นต่อเพื่อทดสอบระดับ 1,603-1,616 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 22,900-23,100 บาทต่อบาท
ทองคำ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ปี 2556 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับสหรัฐทวี
ความรุนแรงขึ้นจะยิ่งเพิ่มโอกาสที่ราคาทองคำจะสามารถทะลุผ่านกรอบแนวต้านแรก โดยประเมินแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,700 ดอลลาร์
ต่อออนซ์ หรือ 24,250 บาท
  • รมว.คลัง สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านว่า
เหตุการณ์จะพัฒนาไปในทางใด ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้น ยังพูดไม่ได้ว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไรบ้าง แต่ความ
เป็นไปได้ที่จะได้รับผลกระทบมีแน่นอน แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแค่กับไทยเท่านั้น เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบไปทั้งโลก
  • ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence
Index) ประจำเดือน ม.ค.63 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) เป็น
เดือนที่ 5 ติดต่อกัน นักลงทุนคาดหวังการดำเนินนโยบายภาครัฐและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ก็มีความกังวลต่อความขัดแย้ง
ระหว่างประเทศ ภาวะเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมือง
  • ผู้เชี่ยวชาญจากยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ เมเนจเมนท์ และเจพีมอร์แกน แอสเซท แมเนจเมนท์ คาดการณ์ว่า ข้อพิพาท
ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านที่กำลังดุเดือดอยู่ในขณะนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนักต่อตลาดหุ้นเอเชีย
  • นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหลีกเลี่ยงการเพิ่มความตึงเครียดในตะวันออกลาง พร้อมระบุว่า ตนเอง
วิตกกังวลอย่างยิ่งกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า BOJ จะดำเนินนโยบายการเงินอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงทาง
เศรษฐกิจในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและสหรัฐ
  • สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า จีนจะเดินหน้าปฏิรูปและเปิดกว้างตลาดปริวรรตเงินตราต่อ

ไป โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาและสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขัน ขณะเดียวกัน จีนจะเดินหน้าปรับปรุงนโยบายด้านปริวรรตเงินตรา

เพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากปัจจัยเสี่ยงภายนอก ควบคู่ไปกับการรักษาความมั่งคงทางเศรษฐกิจและการเงินภายในประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ