ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.18 อ่อนค่าเล็กน้อยตามแรงซื้อแรงขาย จับตา ISM ภาคบริการสหรัฐฯคืนนี้ มองกรอบ 30.15-30.25

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 7, 2020 17:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 30.18 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่เปิดตลาดที่ ระดับ 30.13/17 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 30.14-30.18 บาท/ดอลลาร์

"อ่อนค่าเล็กน้อยจากตอนเช้าน่าจะเป็นไปตามแรงซื้อแรงขาย" นักบริหาร เงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ระหว่าง 30.15 - 30.25 บาท/ดอลลาร์ คืนนนี้จะมีการรายงานตัวเลข ISM ภาคบริการของหสรัฐฯ และยังต้องติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.45 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 108.20 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1181 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1170/1215 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,585.23 จุด เพิ่มขึ้น 16.73 จุด, +1.07% มูลค่าการซื้อขาย 61,992.82 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 823.86 ลบ.(SET+MAI)
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในช่วงหลังเปิดปีใหม่มาว่า ตลาดมีความ
สมดุลมากขึ้นทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ยังมีปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบ ซึ่งไม่เฉพาะแต่ค่าเงินบาทเท่านั้น ยังกระทบค่าเงินในภูมิภาคด้วย นั่น
คือสถานการณ์ความขัดแย้งของสหรัฐและอิหร่าน ซึ่งส่งผลให้ราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และมีผลมาถึงอัตราเงินเฟ้อของไทยให้มี
แนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อจะเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้เร็วขึ้นกว่ากลางปี 64
  • ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงในการสัมมนา"Analyst Meeting"วันนี้ว่า
ระบบการเงินไทยโดยรวมมีเสถียรภาพ แต่ยังคงสะสมความเปราะบางภายใต้เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง คณะกรรมการ
นโยบายการเงิน (กนง.) เห็นว่าการดูแลความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินควรใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายควบคู่กับการใช้มาตรการ
กำกับดูแลสถาบันการเงิน (microprudential) และมาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน (macroprudential) ร่วมกันอย่างเหมาะ
สม
  • สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคม 2562 สคร.จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่น
ดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่า 50% จำนวน 4,465 ล้านบาท คิดเป็น 136% ของประมาณการ จำนวน
3,275 ล้านบาท ส่งผลให้มีเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสม ณ สิ้นไตรมาสแรก ปีงบประมาณ 2563 จำนวน 72,387 ล้านบาท คิดเป็น 109%
ของประมาณการเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสม จำนวน 66,452 ล้านบาท หรือคิดเป็น 38% ของเป้าหมายทั้งปี (ตุลาคม 2562-กันยายน
2563) จำนวน 188,800 ล้านบาท
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ตามที่สำนักงบ
ประมาณเสนอ โดยประมาณการรายจ่ายไว้ที่ 3.30 ล้านล้านบาท ประมาณการรายได้ 2.77 ล้านล้านบาท และขาดดุลงบประมาณราว
5.23 แสนล้านบาท พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตและความเห็นของที่ประชุม 4 หน่วยงาน คือ สำนักงบประมาณ
กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อพิจารณาดำเนิน
การต่อไป
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
เนื่องจากสถานการณ์การค้าโลกที่ชะลอตัว และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบทางลบเป็นวงกว้างต่อผู้ประกอบการและ
ผู้ผลิตรายย่อยในประเทศ ซึ่งเป็นห่วงโซ่การผลิตที่สำคัญของภาคการส่งออกไทย นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งค่ายังเป็นอุปสรรคต่อการส่งออก
ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
  • สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดการณ์การส่งออกปี 63 จะเติบโต 0-1% บนสมมติฐานค่าเงินบาท
30.50 บาท/ดอลลาร์ (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 6 มกราคม 2563 = 30.17 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในกรอบ 30.12 - 30.35
บาท/ดอลลาร์) แต่หากค่าเงินบาทในปี 63 แข็งค่ากว่าที่ สรท. ตั้งสมมติฐานไว้การส่งออกอาจเสี่ยงติดลบถึง 5%
  • เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน แถลงผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนต่อมุมมองในด้าน
การลงทุนและคาดการณ์ทิศทางดัชนีราคาหุ้นไทย (SET Index) ในปี 63 ว่า ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน
73.08% มองว่าดัชนีราคาหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 1/63 มีแนวโน้มไปในทิศทางบวก ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถาม 15.38% มองไปในทิศทาง
Sideways หรือไม่เปลี่ยนแปลงไปจากช่วงสิ้นปี 62 และ 11.54% มองว่าตลาดจะเปลี่ยนแปลงในทิศทางลบ
  • รัฐบาลจีนเปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2562 ขยายตัวขึ้น 0.8% หลังจากที่มีการปรับลดภาษีมูลค่ารวม 2 ล้านล้านหยวน
(2.88 แสนล้านดอลลาร์)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ