รมว.พลังงาน ลุ้นมติกบน.พรุ่งนี้ถกปรับราคาน้ำมันหลังสิ้นสุดลดราคาช่วงปีใหม่ ,ปลื้มแผนใช้ B10 หนุนราคาปาล์มพุ่ง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 9, 2020 20:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ระบุว่าการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ในวันพรุ่งนี้ (10 ม.ค.) จะพิจารณาเรื่องการปรับเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ปรับลดลงมา เพื่อทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกทุกประเภทลดลง 1 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.62 และจะสิ้นสุดในวันที่ 10 ม.ค.63 โดยขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการต่ออายุมาตรการดังกล่าวหรือไม่ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกให้ปรับตัวขึ้นได้

สำหรับกรณีที่การปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานีบริการน้ำมันขาดทุนสต็อกในช่วงดังกล่าวนั้น กระทรวงพลังงานก็จะพิจารณาผลกระทบและอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้บมจ.ปตท. (PTT) รายงานเข้ามาเพื่อนำเข้ามูลเหล่านี้เข้าสู่การพิจารณาของกบน.ด้วย

"ยังต้องรอการประชุมกบน. ซึ่งนัดประชุมพรุ่งนี้บ่าย ขณะนี้เรากำลังติดตามในสถานการณ์ทั้งหมด จากข้อมูลทั้งหมด และประเมินไปข้างหน้า แล้วมาหารือกัน...เราไม่ได้มองเรื่องการบริหารระยะสั้น คงมองภาพรวมใหญ่ เพราะขณะนี้สถานการณ์น้ำมันไม่ปกติ พร้อมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น มิติการนำไปพิจารณาคงไม่มองแค่เรื่องราวในประเทศ มองถึงทิศทางสต็อกน้ำมันต้องเพิ่มหรือไม่ ถ้าต้องเพิ่มกระทบอะไร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน หรือการ allocate source ของซัพพลายจากนี้เหลือ 50% แล้ว จากสถานการณ์อย่างนี้ในระยะสั้นจะเพิ่มความมั่นใจได้อย่างไร นโยบายเหล่านี้กระทบถึงโครงสร้างราคาอย่างไร วิธีการวางงานของเรามองภาพรวมภาพใหญ่ เราต้องมองเรื่องนโยบายจะไปกระทบผู้ประกอบการอย่างไร ทั้งหมดเป็นเรื่องที่จะหารือกันในวัพนรุ่งนี้ "นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ส่วนการพิจารณาเรื่องสต็อกน้ำมันนั้น จะต้องพิจารณารอบด้านทั้งในส่วนของผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ และจะกระทบต่อราคาหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดจะต้องสร้างสมดุลให้กับความมั่นคงของพลังงานด้วย

ด้านแนวทางการช่วยเหลือราคาปาล์มตกต่ำก่อนหน้านี้ ด้วยการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า รวมถึงการผลักดันน้ำมันดีเซล B10 ให้เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานที่มีผลตั้งแต่ปีนี้นั้น ส่งผลให้ราคา CPO เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 33-34 บาท/กิโลกรัม และมีโอกาสที่จะถึงระดับ 40 บาท/กิโลกรัม ส่วนผลปาล์มปรับขึ้นมาเป็นระดับ 7.3 บาท/กิโลกรัม และมีแนวโน้มที่จะขึ้นไปถึง 8 บาท/กิโลกรัม ซึ่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้ ก็จะเดินทางไปจ.กระบี่ เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ปาล์มทั้งหมด และเพื่อให้ปาล์มในตลาดไม่ตึงตัว จึงขอให้กฟผ.ชะลอการส่งมอบ CPO กว่า 6 หมื่นตันที่จะนำมาผลิตไฟฟ้าออกไปก่อน และให้ส่งมอบได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

สำหรับสต็อก CPO ล่าสุดลดเหลือประมาณ 3 แสนตัน ซึ่งภาพรวมของสต็อก และการพิจารณาบริการการนำเข้า-ส่งออก เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ โดยการดูดซับ CPO เพื่อผลิต B10 นั้นจะใช้ CPO ราว 2.2 ล้านตัน/ปี หรือ 7 ล้านลิตร/วัน

นายธวัชชัย จักรไพศาล รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง กฟผ. กล่าวว่า การประมูล CPO เพื่อนำมาผลิตไฟฟ้าของกฟผ.ล่าสุดเมื่อเดือนพ.ย.62 มีราคาอยู่ที่ 17.50 บาท/กิโลกรัม สูงกว่าราคาตลาดในขณะนั้นราว 1 บาท/กิโลกรัม โดยประมูลได้ 101,700 ตัน ให้ทยอยส่งมอบเข้าคลังน้ำมันปาล์มดิบที่จ.สุราษฎร์ธานีในช่วงต้นเดือนธ.ค.62 เป็นต้นไป เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง และให้ส่งมอบทั้งหมดภายในเดือนเม.ย.63

อย่างไรก็ตาม หลังจากประมูลไปแล้ว พบว่าราคา CPO ขยับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปลายเดือน ธ.ค.สูงกว่า 30 บาท/กิโลกรัม ดังนั้น กฟผ.จึงให้ส่งมอบ ในเดือนธ.ค.62 เพียงกว่า 3 หมื่นตัน และส่วนที่เหลือให้ส่งมอบรอบใหม่ในเดือนเม.ย.63


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ