ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.20/23 แกว่งแคบใกล้เคียงช่วงเช้า ระหว่างวันอ่อนค่าจากแรงซื้อดอลล์ ตลาดรอปัจจัยใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 18, 2020 17:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.20/23 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับ ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.18/22 บาท/ดอลลาร์

โดยระหว่างวันเงินบาทอ่อนค่าสุดที่ระดับ 31.26 บาท/ดอลลาร์ แต่คาดว่าเป็นผลมาจากแรงซื้อดอลลาร์ เพราะขณะนี้ตลาด ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ประกอบกับวันนี้ตลาดเงิน-ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดทำการเนื่องในวันประธานาธิบดีสหรัฐ

"โดยรวมแล้ววันนี้ค่อนข้างเงียบมาก การเคลื่อนไหวของค่าเงินมาจากแรงซื้อดอลลาร์ ที่ระหว่างวันอ่อนค่าไปที่ 31.26 บาท วันนี้ตลาดทางฝั่งสหรัฐฯ ปิดทำการ ส่วนปัจจัยใหม่ๆ ก็ยังไม่มี ยังเป็นเรื่องเดิมคือความกังวลไวรัสโคโรนา" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.15-31.25 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.70 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 109.75/76 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0822 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0825/0829 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,513.68 จุด ลดลง 13.57 จุด (-0.89%) มูลค่าการซื้อขาย 49,276 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,443.85 ลบ.(SET+MAI)
  • โฆษกรัฐบาล คาดว่าจะนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 63 ขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งหลังจากที่ได้รับการ
โปรดเกล้าฯ จะมีเม็ดเงินที่เป็นรายจ่ายด้านการลงทุนเข้าสู่ระบบทันทีประมาณ 4 แสนล้านบาท และเหลืออีก 2.4 แสนล้านบาท ขอให้
รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งรัดกระบวนการในการเตรียมแผนการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบลงทุน
ทั้งหมดได้ภายในปี 63 ตามกำหนด
  • ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ชี้แจงประเด็นการกู้เงินเพื่อชดเชย
การขาดดุลงบประมาณผ่านการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term loan) จำนวน 20,000 ล้านบาทว่า เป็นการดำเนินการของกระทรวงการคลัง
ตามปกติทั่วไปเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสรายได้และกระแสรายจ่ายในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ ภายใต้ต้นทุนและความเสี่ยงที่เหมาะสม
  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธูรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 63 เหลือโตเพียง
1.8% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.1% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) มีแนวโน้ม
รุนแรง และน่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าที่คาดไว้เดิม ผ่านการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และยังอาจส่งผลต่อการเดิน
ทางท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยของคนไทยด้วย รวมถึงยังมีความเสี่ยงจาก Supply chain disruption ที่อาจส่งกระทบต่อการ
ชะลอตัวของการส่งออกไทยเพิ่มเติมได้
  • ศูนย์วิจัยธนาคารออมสิน เผย การระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบ GDP ปีนี้ลดลง 0.4-1% โดยหากสถานการณ์แพร่
ระบาดสามารถยุติได้ภายใน 3 เดือน คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะหายไป 1.6 ล้านคน สูญเสียรายได้ราว 8 หมื่นล้านบาท ฉุด GDP ลง
0.4% แต่หากสถานการณ์ต่อเนื่องยาวไปถึง 6 เดือน คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะหายไปถึง 3.5 ล้านคน สูญเสียรายได้มากกว่า 1.7 แสน
ล้านบาท ฉุด GDP ลง 1%
  • นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ไม่ให้มีวันหยุดเพิ่มช่วงสงกรานต์นอกเหนือจากวัน
หยุดตามปกติ เพราะเชื่อว่าแม้มีวันหยุดยาวเพิ่มก็ไม่ได้ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวมากนัก
  • ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง แถลงว่า รัฐบาลฮ่องกงจะเพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อรับมือกับผลกระทบของไวรัสโคโรนา
สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันได้เรียกร้องให้ประชาชนยอมรับแผนการของรัฐบาลในการกักตัวผู้
โดยสารที่เดินทางกลับจากเรือสำราญในญี่ปุ่น
  • รมว.คลังของสิงคโปร์เปิดเผยในวันนี้ว่า รัฐบาลเตรียมจัดสรรเงินงบประมาณราว 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยควบ
คุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ในสิงคโปร์ และช่วยในการรับมือผลกระทบทาง
เศรษฐกิจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ