กูรู ชี้เจรจากลุ่มโอเปกล่มชนวนสงครามน้ำมันโลกรอบใหม่หวั่นเลวร้ายสุดร่วงแตะ 20 เหรียญฯ แต่มองผลบวกต่อเศรษฐกิจไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 9, 2020 13:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า สาเหตุหลักราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับ ตัวลดลงรุนแรงกว่า 40% นับตั้งแต่วันศุกร์ (6 มี.ค.) ที่ผ่านมา เกิดขึ้นภายหลังจากการประชุมของกลุ่ม OPEC+ จบลงด้วยความล้มเหลว เมื่อประเทศรัสเซียเป็นพันธมิตรไม่ยอมร่วมมือลดกำลังผลิตเพิ่มอีก 1.0-1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นตัวเลขที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้า เป็น เหตุให้ประเทศซาอุดิอาระเบียประกาศเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเป็น 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมผลิตอยู่ที่ 8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และลด ราคาน้ำมันทุกภูมิภาค ยุโรป, สหรัฐฯ,เอเชีย เป็นต้น เป็นการสะท้อนว่าซาอุฯได้เริ่มต้นประกาศสงครามราคาน้ำมันกับรัสเซีย

ช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นขาลง จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เชื่อมโยงมายังหลายภาคส่วน สำคัญของเศรษฐกิจโลก กระทบความต้องการใช้น้ำมันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตามข้อมูลคาดการณ์พบว่าในไตรมาส 1/63 ปริมาณความต้อง การใช้น้ำมันในตลาดโลกลดลงถึง 2.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน แตกต่างกับภาวะปกติที่จะมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 1 ล้านบาร์เรลต่อ วัน

แต่วันนี้เมื่อเกิดปัญหาสงครามราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นปัจจัยเข้ามาซ้ำเติมให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีโอกาสปรับตัวเป็นขา ลงไปหลุด 30เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลหรืออาจต่ำกว่านั้นเล็กน้อย ในกรณีเลวร้ายมากที่สุดคือยังไม่สามารถหาข้อยุติกันได้และสถานการณ์ยืด เยื้อมีโอกาสเป็นไปได้ว่าในช่วงหลังจากนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความเสี่ยงลดลงไปแตะ 20 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ตัวแปรระยะสั้นต้องขึ้นอยู่กับว่าทั้ง 2 ประเทศจะมองเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นส่งผลร้ายแรงกับตัวเองหรือไม่ เพราะ เป็นหนึ่งตัวแปรสำคัญช่วยให้เกิดการเจรจาโดยเร็วที่สุด

"ราคาน้ำมันโลกร่วงหนักรอบนี้ นับว่าลงลึกมากสุดรอบ 4-5 ปี เพราะที่ผ่านมาเคยเจอเหตุการณ์ความขัดแย้งกรณีกลุ่มโอเปก ประกาศกดดันกลุ่มเชลออยล์ ลดลงราคาน้ำมันจาก 80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลลงมาเหลือ 20 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่สถานการณ์ วันนี้พบว่าราคาน้ำมันลดลงเจอ 2 เด้งคือความต้องการลดลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอ ผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 และความ เห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างซาอุฯและรัสเซีย เป็นประเทศมหาอำนาจด้านน้ำมันของโลก"นายมนูญ กล่าว

สำหรับผลกระทบในประเทศไทย กรณีราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเป็นผลกระทบเชิงบวกให้กับเศรษฐกิจไทย หลังจากเกิดภาวะ ชะลอตัวจากผลกระทบโควิด-19 เพราะไทยเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันและนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศกว่า 80% ของปริมาณการใช้ทั้ง หมด ซึ่งช่วยลดภาระให้กับรัฐบาลที่กำลังมีเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเชื่อว่าประชาชนจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นจากต้นทุนด้านพลังงานใน ประเทศลดลง

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ประกอบการด้านพลังงานได้รับผลกระทบด้านลบในระยะสั้น บางรายต้องเผชิญกับผลการขาดทุนสต็อก น้ำมันเป็นจำนวนมาก มีโอกาสผลประกอบการอาจถึงขั้นขาดทุน โดยกลุ่มธุรกิจโรงกลั่น เชื่อว่าน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะตลอด 2 ปีที่ผ่านมาค่าการกลั่นต่ำสุดในรอบหลาย 10 ปี และช่วงนี้เจอกับปัจจัยลบรัสเซียและซาอุฯ ยิ่งเป็นปัจจัยลบซ้ำเติมให้กลุ่มธุรกิจโรงกลั่น มากขึ้นกว่าเดิม แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการในไทยน่าจะปรับตัวรองรับกับสถานการณ์ของราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงไปได้

https://youtu.be/wgyamF1cnZg


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ