นักวิเคราะห์คาดราคาอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์จะพุ่งขึ้นอีก 2 ปีข้างหน้า

          นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็งคาดว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยจะพุ่งขึ้นราว 20% เมื่อเทียบรายปี เพราะได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งมหาเศรษฐีชาวสิงคโปร์ที่ต้องการหาอพาร์ตเม้นท์ใหม่แทนที่อยู่เก่าซึ่งถูกซื้อไปโดยนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่นำไปพัฒนาใหม่
          "แนวโน้มดังกล่าวจะมีต่อเนื่องไปอีก 1-2 ปีข้างหน้า" วิลสัน ลิว จากบล.กิม เอ็ง กล่าว 
          ในช่วงปีที่ผ่านมา ความต้องการที่พักอาศัยกระจุกตัวอยู่ในอสังหาริมทรัพย์บริเวณในและรอบๆถนนชอปปิ้งชื่อดังอย่าง ออชาร์ด รวมทั้งย่านเศรษฐกิจที่มีนักลงทุนทั้งจาก อินโดนีเซีย ฮ่องกง ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย ยุโรป และสหรัฐ เข้ามาจับจองอพาร์ตเม้นท์หรูหรา โดยอพาร์ตเม้นท์ระดับไฮเอนด์ ขายได้ในราคาแพงที่สุดถึง 31 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ 
          สาธารณูปโภคพื้นฐานที่อำนวยความสะดวกอย่างประสิทธิภาพของสิงคโปร์ ประกอบกับนโยบายที่เอื้อต่อธุรกิจ ได้ดึงดูดธนาคารต่างชาติให้เข้ามาตั้งธุรกิจบริการและธุรกิจบริหารจัดการ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งเสริมให้เกิดอุปสงค์มหาศาลในพื้นที่สำนักงานรวมทั้งที่พักอาศัยสำหรับพนักงานต่างชาติ 
          รายงานล่าสุดของที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ชื่อก้องอย่าง โจนส์ แลง ซาลล์ ระบุว่า ยอดขายคอนโดมิเนียมที่พักอาศัยรวมกันเป็นมูลค่าราว 1.62 หมื่นล้านสิงคโปร์นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 - 15 พฤษภาคม 2550
          นอกจากนี้ ลิว คาดว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ จะทะยานขึ้นอีก 20-25% ในอีก 12-24 เดือนข้างหน้า ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ระดับกลาง จะพุ่งขึ้นอีก 15-20% 
          ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับแรงกระตุ้น เนื่องจากรัฐบาลสิงคโปร์สนับสนุนให้สิงคโปร์เป็นเมืองระดับโลกที่จะดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ โดยรัฐบาลวางเป้าหมายจะเพิ่มประชากรในสิงคโปร์เป็น 6.5 ล้านคนภายใน 10-20 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีประชากร 4.5 ล้านคน 
          อึ้ง ชุน ฟา ผู้อำนวยการอาวุโสประจำที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ DTZ Debenham Tie Leung กล่าวว่า ค่าเช่าที่ปรับตัวสูงขึ้นได้จูงใจให้นักลงทุนสถาบันเข้าลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ จนทำให้เกิดภาวะขาดแคลนที่พักอาศัยในสิงคโปร์ในขณะนี้
          การขาดแคลนเกิดขึ้นเนื่องจาก นักพัฒนาไม่สามารถสร้างที่พักอาศัยใหม่ได้อย่างเพียงพอ และจำนวนพนักงานต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก