คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) มองว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ยังสามารถเติบโตได้มากกว่า 4% แม้อาจเกิดความจำเป็นในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเป็นต้นปีหน้าก็ตาม เพราะหากรัฐบาลสามารถชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนให้กับนักลงทุนได้เข้าใจก็เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งแตกต่างอดีตที่ผ่านมา โดยดูจากภาคธุรกิจสามารถปรับตัวเพื่อรองรับกับความเสี่ยงทางธุรกิจได้มากขึ้นด้วยการมุ่งเน้นดำเนินธุรกิจที่มีความชำนาญ การกู้เงินบาทแทนการกู้ต่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงิน ตลอดจนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทั้งนี้ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งมีปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ การขึ้นเงินให้แก่ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศที่จะมีผลตั้งแต่ ต.ค.50, การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ รวมทั้งการจัดทำงบประมาณในปี 51 ที่จะสามารถเบิกจ่ายได้ตั้งแต่ ต.ค.นี้ ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองนั้น ภาคเอกชนยังเชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ภายในสิ้นปีนี้ตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ ส่วนปัจจัยที่นักลงทุนยังคงจับตามอง คือการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) แต่หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นก็เชื่อว่ากลุ่มดังกล่าวจะสลายการชุมนุมไป