ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐได้ปรับลดการคาดการณ์ยอดขาดดุลงบประมาณกลางประจำปีงบประมาณการเงินที่สิ้นสุดในเดือนก.ย.ลงเหลือ 2.05 แสนล้านดอลลาร์ โดยระบุว่า เศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวจะช่วยกระตุ้นรายได้จากการจัดเก็บภาษี ซึ่งหมายความว่า ภาวะขาดดุลในปีงบประมาณนี้นั้น คาดว่าจะอยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือต่ำกว่าปีที่แล้วประมาณ 18% แถลงการณ์ของทำเนียบฯระบุว่า รัฐบาลคาดว่าภาวะขาดดุลจะอยู่ที่ 1.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ซึ่งเป็นสถิติที่อยู่ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยในรอบ 40 ปีที่ 2.4% สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช กล่าวภายหลังที่ได้มีการเปิดเผยตังเลขคาดการณ์ว่า "เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัว รายได้ของรัฐบาลก็ปรับตัวสูงขึ้น ภาวะขาดดุลงบประมาณก็ลดลงเรื่อยๆ สถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นโดยที่รัฐบาลไม่ได้ขึ้นภาษีกับประชาชนเลย ซึ่งแม้เป็นข่าวดี แต่รัฐบาลก็ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำ ยอดขาดดุลลดลงเป็นสิ่งที่ดี แต่การที่ไม่มียอดขาดดุลเลยจะดีกว่า" ทำเนียบขาวย้ำว่าเป้าหมายของรัฐบาลก็คือ การสร้างสมดุลให้กับงบประมาณให้ได้ภายในปี 2555 และชี้ว่าจะบรรลุเป้าหมายได้หากมีการดำเนินการเรื่องการใช้จ่ายในปัจจุบันตามแผนที่วางไว้ แต่วาระการดำรงตำแหน่งของบุชจะสิ้นสุดลงในเดือนม.ค. 2552 ทำเนียบขาวระบุว่า ยอดขาดดุลกำลังลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และเป้าหมายของประธานาธิบดีก็คือ การสร้างสมดุลให้กับงบประมาณภายในปี 2555 ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ภายใต้ข้อเสนอของประธานาธิบดี ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะเกินดุลงบประมาณในปี 2555 ที่ 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์