COVID-19พาณิชย์ ชี้โควิด-19 ทำดีมานด์ถุงมือยางพุ่ง แนะเพิ่มกำลังผลิต พร้อมใช้ FTA เพิ่มแต้มต่อส่งออก

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 26, 2020 12:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

COVID-19: พาณิชย์ ชี้โควิด-19 ทำดีมานด์ถุงมือยางพุ่ง แนะเพิ่มกำลังผลิต พร้อมใช้ FTA เพิ่มแต้มต่อส่งออก

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการถุงมือยางเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว เนื่องจากสินค้าดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนี้ยังเป็นสินค้าจำเป็นในยุคความปกติใหม่ (New Normal) เพราะประชาชนตื่นตัวเรื่องสุขอนามัยและหันมาใช้ถุงมือยางเพื่อป้องกันเชื้อโรคมากขึ้น ทำให้ความต้องการถุงมือยางในตลาดสูงขึ้นหลายเท่าตัว

ทั้งนี้ จากสถิติการค้าระหว่างประเทศในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-เม.ย.) พบว่า ไทยส่งออกถุงมือยางไปตลาดโลกมูลค่า 449 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวถึง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 มีตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัว เช่น จีนขยายตัว 129.5% มูลค่าส่งออก 31 ล้านเหรียญสหรัฐ ออสเตรเลียขยายตัว 79% มูลค่าส่งออก 10 ล้านเหรียญสหรัฐ อาเซียนขยายตัว 77% มูลค่าส่งออก 18 ล้านเหรียญสหรัฐ และสหรัฐอเมริกาขยายตัว 9% มีมูลค่าส่งออก 194 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นต้น

อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การที่ไทยมีห่วงโซ่การผลิตของอุตสาหกรรมถุงมือยางครบวงจร คือ มีผลผลิตยางพารา สามารถผลิตน้ำยางข้นได้เอง และมีเทคโนโลยีการผลิตถุงมือยางที่มีมาตรฐาน ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งทั้งในด้านต้นทุนราคาและได้รับการยอมรับด้านคุณภาพ รวมถึงสามารถผลิตได้เพียงพอกับความต้องการในประเทศและเพื่อการส่งออก ดังนั้นในช่วงที่แนวโน้มความต้องการถุงมือยางเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรองรับความต้องการตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) เป็นแต้มต่อช่วยในการส่งออก โดยปัจจุบันประเทศคู่เอฟทีเอ 17 ประเทศ ได้แก่ สมาชิกอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง ไม่เก็บภาษีนำเข้าถุงมือยางของไทยแล้ว เหลือเพียงอินเดียที่ยังคงเก็บภาษีนำเข้าถุงมือยางที่ 10%

ทั้งนี้ ในปี 2562 ไทยผลิตถุงมือยางได้กว่า 2 หมื่นล้านชิ้น มีสัดส่วนการส่งออกถึง 89% ของการจำหน่ายถุงมือยางทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 1,203 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากมาเลเซีย และจีน เมื่อเทียบกับก่อนที่ไทยจะมีเอฟทีเอฉบับแรกกับอาเซียนในปี 2535 พบว่า มูลค่าส่งออกขยายตัว 992% การส่งออกไปประเทศคู่เอฟทีเอขยายตัวทุกตลาด โดยตลาดอินเดีย ขยายตัวสูงสุดถึง 16,872% รองลงมาคือ จีน ขยายตัว 16,505% และ เปรู ขยายตัว 6,000% โดยถุงมือยางจัดเป็นผลิตภัณฑ์ยางขั้นปลายที่สามารถสร้างรายได้จากการส่งออกให้ไทยสูงเป็นอันดับ 2 รองจากผลิตภัณฑ์กลุ่มยางล้อรถยนต์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ