นายแบงก์มองกนง.คงดอกเบี้ยมองเหมาะสมสภาวะศก. ยิ่งลดสภาพคล่องล้น

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 17, 2007 15:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้บริหารแบงก์พาณิชย์มองทิศทางเดียวกัน คาดการณ์กันว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.50% มองระดับอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งปัจจุบันสภาพคล่องในระบบค่อนข้างมาก หากยิ่งลดอัตราดอกเบี้ยจะยิ่งทำให้สภาพคล่องส่วนเกินในตลาดมีมากยิ่งขึ้น แต่มองยังมีโอกาสปรับลดลงต่อได้ นายระเฑียร ศรีมงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานการเงิน ธนาคารนครหลวงไทย(SCIB)คาดว่า กนง.จะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.50% เนื่องจากการเข้าแทรกแซงที่ผ่านมาของธปท.มีผลทำให้สภาพคล่องส่วนเกินในตลาดมีมาก ภาวะเช่นนี้ถ้ายิ่งลดดอกเบี้ย ก็ยิ่งทำให้สภาพคล่องล้นระบบ “สถานการณ์การเงินมันเปลี่ยนแปลงเร็ว ก่อนหน้านี้ยังมองว่าธปท.น่าจะลดลงได้อีก 0.25% แต่ตอนนี้ก็ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่แล้ว ต่อไปคงคาดการณ์ได้แค่ระยะสั้น ในระยะยาวคงทำได้ยาก"นายระเฑียร กล่าว นอกจากนี้ แม้ว่าที่ผ่านมา ธปท.จะลดดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง แต่การลงทุนและการบริโภคก็ยังชะลอตัว ซึ่งเป็นผลจากการที่คนไม่มั่นใจ จึงไม่ยอมใช้จ่าย “ที่ผ่านมาการลดดอกเบี้ยทำไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งชะลอตัวจากความไม่มั่นใจของคน แต่จนถึงขณะนี้การใช้จ่ายก็ยังน้อยอยู่ ดังนั้นลดยังไงถ้าคนไม่ใช้ ก็คือไม่ใช้ ถ้ายังลดต่อมีแต่จะทำให้สภาพคล่องในระบบเยอะขึ้น แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะสินเชื่อขยายตัวลดลงด้วย" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กล่าว ด้านนายเชาว์ เก่งชน รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองในทิศทางเดียวกันว่า ธปท. จะประกาศคงอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามุมมองของทั้งเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่างก็กล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยในระดับนี้ถือว่าเหมาะสมแล้ว ประกอบกับราคาน้ำมันที่กลับมาผันผวนในระดับสูง ทำให้ธปท.ต้องดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแบงก์ชาติจะคงดอกเบี้ยไว้ตลอด เพราะในช่วงที่เหลือของปีแบงก์ชาติมีโอกาสที่จะคง หรือปรับลดลงต่อก็ได้ ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ หากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีก็อาจคงดอกเบี้ย แต่ถ้าตัวเลขไม่ได้ ก็ยังมีเวลาปรับลดลงได้อีก" นายเชาว์ กล่าว ส่วนแนวโน้มที่ธปท.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น น่าจะรอให้เศรษฐกิจเข้ารูปเข้ารอยมากกว่านี้ โดยเฉพาะสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ส่งผลต่อความมั่นใจ “ก็มีความเป็นไปได้ที่กลางปีหน้าดอกเบี้ยจะกลับมาเป็นขาขึ้น เพราะเมื่อมีการจัดการเลือกตั้งในปลายปีนี้ ก็จะมีการเปิดตัวรัฐบาลใหม่ในต้นปีหน้า ทำให้มีการใช้จ่ายตามมาทั้งภาครัฐและภาคเอกชน การลงทุนและการบริโภคก็จะกลับมาขยายตัว ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมแบงก์ชาติก็อาจพิจารณาทิศทางดอกเบี้ยใหม่" นายเชาว์ กล่าว สำหรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ คงต้องดูธปท. เป็นสำคัญ และต้องพิจารณาสภาพคล่องของธนาคาร รวมถึงธนาคารคู่แข่งด้วย “หากในช่วงที่เหลือของปีแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้ง ก็เป็นไปได้ที่แบงก์ที่ธนาคารพาณิชย์อาจจะลดลงตาม ซึ่งถ้าธนาคารพาณิชย์จะลดดอกเบี้ย ก็น่าจะไปทั้ง 2 ขาพร้อมกัน เพราะหากเปลี่ยนแปลงเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ก็อาจจะกระทบรายได้ของธนาคารได้ เพราะการลดดอกเบี้ยเงินกู้ effective ทันที ต่างจากดอกเบี้ยเงินฝากที่ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะมีผลต่อต้นทุนของธนาคาร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทเงินฝากด้วย" นายเชาว์ กล่าว นายสุภัค ศิวะรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย (TMB) กล่าวว่า ธปท.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งนี้ เนื่องจากธปท. น่าจะรอดูผลของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาก่อน ประกอบกับกระทรวงการคลังก็ออกมาส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยได้ลดลงมาอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว นอกจากนี้ ธปท.ก็มองว่าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาปรับตัวในทิศทางขาขึ้นเช่นกัน “ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา แบงก์ชาติก็ลดดอกเบี้ยลงไป 0.50% พร้อมทั้งระบุว่าเป็นระดับที่เหมาะสมแล้ว หลังจากนี้จึงน่าจะเป็นช่วงรอดูผลจากการลดดอกเบี้ยมากกว่า ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือน" กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ