ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ส.ค.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังซ์สวิส เพราะได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับฐานขึ้น อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร เงินปอนด์ และดอลลาร์แคนาดา เนื่องจากนักลงทุนจำนวนหนึ่งได้เข้าซื้อสกุลเงินเหล่านี้เพราะเห็นว่าให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นแตะระดับ 115.06 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 114.44 เยนต่อดอลลาร์ หลังจากนักงทุนเข้าทำธุรกรรม carry trade ในสกุลเงินเยน นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูว่าการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันนี้นั้น บีโอเจจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับ 0.50% หรือไม่ โดยก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์ซับไพรม์ในสหรัฐนั้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าบีโอเจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รายงานระบุว่า ธนาคารยักษ์ใหญ่ 4 แห่งของสหรัฐ ได้แก่ ซิตี้กรุ๊ป เจพีมอร์แกน แบงค์ออฟอเมริกา และธนาคารวาโชเวีย ได้กู้ยืมเงินจากเฟดแห่งละ 500 ล้านดอลลาร์ ภายหลังจากเฟดปรับอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลง 0.50% ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมั่นใจว่า มาตรการของเฟดที่นำมาใช้ในขณะนี้จะได้ผล ส่วนค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.3536 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.3468 ดอลลาร์ต่อยูโร ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 1.9917 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 1.9822 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังซ์สวิส แต่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา โดยดอลลาร์ดีดขึ้นแตะระดับ 1.2071 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.2063 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์ และอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.0621 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0645 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากวิกฤตการณ์ตึงตัวในตลาดสินเชื่อยังไม่คลี่คลายลง