นายซาอุท ฮูตากาลัง โฆษกกระทรวงประมงของอินโดนีเซียกล่าวว่า รัฐบาลอินโนเซียกำลังเรียกร้องเพื่อให้จีนชี้แจงกรณีออกคำสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากอินโดนีเซีย
"เราได้ร่างจดหมายเพื่อเรียกร้องขอคำชี้แจงกรณีที่จีนมีคำสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากอินโดนีเซียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะส่งสาสน์ฉบับดังกล่าวให้กับรัฐบาลจีนผ่านทางสถานทูตของอินโดนีเซียประจำกรุงปักกิ่งในวันนี้" เขากล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า จีนได้มีคำสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากอินโดนีเซีย หลังจากที่พบแบคทีเรียและสารเคมีปนเปื้อนในปริมาณที่สูงเกินกว่าที่กำหนดในสินค้านำเข้าบางประเภทจากอินโดนีเซีย ซึ่งรวมถึงเชื้อแซลโมเนลลาที่ปนเปื้อนในปลาไหลของอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม นายฮูตากาลัง กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลอินโดนีเซียยังไม่ได้รับแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับคำสั่งห้ามนำเข้าดังกล่าวแต่อย่างใด
"โดยปกติแล้วการประกาศคำสั่งเพิกถอนการนำเข้าจะมีขึ้นเมื่อตรวจพบว่าสินค้าเหล่านั้นไม่ผ่านมาตรฐาน แต่กรณีนี้คำสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลดังกล่าวของจีนเกิดขึ้นในทันทีโดยที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง" เขากล่าว
อินโดนีเซียต้องการทราบผลการตรวจสอบจากห้องปฏิบติการทดลอง หรือหลักฐานอื่นๆจากจีนก่อนที่จะมีคำสั่งห้ามนำเข้าสินค้าดังกล่าว
ด้านนายเฟรดดี้ นัมเบริ รัฐมนตรีกระทรวงประมงของอินโดนีเซียกล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า หากคำสั่งห้ามนำเข้าดังกล่าวมีผลบังคับใช้จริง อินโดนีเซียก็หวังจะได้รับข้อมูลว่าสินค้าใดบ้างที่ได้รับผลกระทบ และผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนของสารเคมีดังกล่าว
นอกจากนี้ นายฮูตากาลัง กล่าวว่า อินโดนีเซียมีรายได้จากการส่งออกอาหารทะเลไปยังจีนที่มูลค่ารวมถึง 150 ล้านดอลลาร์ต่อปี
อย่างไรก็ตาม คำสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลของจีนล่าสุด เกิดขึ้นหลังจากที่องค์การอาหารและยาของอินโดนีเซียได้ตรวจพบสินค้าจากจีนหลายชนิด ซึ่งรวมถึงเครื่องสำอางและยาปนเปื้อนสารที่ก่อให้เกิดอันตรายเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--