ภาวะตลาดเงินบาท: บาทปิดตลาด 30.28/30 ทรงตัว-ไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบพรุ่งนี้ 30.20-30.35

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 23, 2020 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.28/30 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.26 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทค่อนข้างทรงตัว ระหว่างวันเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ที่ 30.25-30.30 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากวันนี้ไม่ได้มี ปัจจัยใหม่เพิ่มเติมที่จะเข้ามามีผลต่อทิศทางของค่าเงิน ประกอบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐก็เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เช่นกัน

"เงินบาทวันนี้ทรงๆ แทบจะไม่ขยับมาก ระหว่างวันขึ้น-ลงเพียงแค่ 5 สตางค์ เพราะไม่ได้มีปัจจัยอะไรใหม่เข้ามา ขณะที่ ดอลลาร์ก็แกว่งแคบๆ" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.20-30.35 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.78/81 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 103.80 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1875/1878 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1873 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,420.43 จุด เพิ่มขึ้น 31.09 จุด (+2.24%) มูลค่าการซื้อขาย 105,037 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,755.59 ลบ.(SET+MAI)
  • นายกรัฐมนตรี ปฎิเสธกระแสข่าวที่แกนนำกลุ่มคณะราษฎรหลายคนโพสต์ข้อความในสื่อโซเชียลว่าขณะนี้มีกลิ่นปฎิวัติรัฐ
ประหารและจะมีการออกกฎอัยการศึกเพื่อจัดการกับผู้ชุมนุม โดยนายกรัฐมนตรีมองว่า เป็นเพียงการปล่อยข่าวระดมคนให้มาร่วมชุมนุมเท่า
นั้น
  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้ม
เคลื่อนไหวในกรอบ 30.10-30.40 บาท/ดอลลาร์ พร้อมมองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ
(เฟด) เมื่อวันที่ 4-5 พ.ย.63 เพื่อประเมินจังหวะเวลาในการยกระดับการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งติดตามการพัฒนาวัคซีน และโค้งสุด
ท้ายของการเจรจา Brexit
  • กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน ต.ค.63 โดยการส่งออกไทยมีมูลค่า 19,376 ล้าน
เหรียญสหรัฐ หดตัว -6.71% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 17,330 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว -14.32% เกินดุลการค้า 2,046 ล้านเหรียญ
สหรัฐ โดยยังคาดว่าทั้งปีนี้ มูลค่าการส่งออกไทยจะหดตัวไม่สูงไปกว่า -7%
  • กระทรวงการคลัง จัดเตรียมรายละเอียดเพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เห็นชอบใน
2 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การขยายเวลาโครงการคนละครึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาเปิดรับลงทะเบียนเพิ่ม รวมถึงวงเงินที่จะนำมา
ใช้ ซึ่งต้องรอดูว่าจะมีวงเงินที่เหลือจากโครงการคนละครึ่งในรอบแรก วงเงินรวม 3 หมื่นล้านบาทเท่าไร และจะต้องขอใช้เงินจาก พ.
ร.ก.กู้เงิน วงเงิน 1 ล้านล้านบาทอีกเท่าไร และ 2.มาตรการดูแลผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจะให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติม จาก
ปัจจุบันที่ให้อยู่ 500 บาท
  • คณะนักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกนของสหรัฐ คาดการณ์ว่า การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ, อัตราการ
ว่างงานที่ลดลง และการดำรงชีวิตในสหรัฐจะกลับคืนสู่ภาวะใกล้เคียงกับระดับปกติภายในสิ้นปี 2564 โดยคาดว่าในปีหน้า GDP ของสหรัฐ
จะเพิ่มขึ้น 4.2%
  • ธนาคารกลางจีน อัดฉีดเงิน 4 หมื่นล้านหยวน (6.09 พันล้านดอลลาร์) เข้าสู่ตลาดผ่านทางข้อตกลง reverse repos
ประเภทอายุ 7 วัน ที่อัตราดอกเบี้ย 2.2% โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาสภาพคล่องในระบบธนาคารให้เพียงพอ และอยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • สัปดาห์นี้สหรัฐฯ จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการ
ขั้นต้นเดือนพ.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
(GDP) ไตรมาส 3/63 และการเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เมื่อ
วันที่ 4-5 พ.ย.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ